โดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ทวีตข้อความเมื่อวันเสาร์ (29 ธันวาคม) ที่ผ่านมา เวลา 8.03 น. ตามเวลาท้องถิ่นสหรัฐฯ ระบุว่าตนและสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้โทรศัพท์พูดคุยกัน พร้อมส่งสัญญาณว่า "มีความคืบหน้าครั้งใหญ่" ในข้อตกลงด้านการค้าระหว่างทั้งสองประเทศ
ข้อความในทวิตเตอร์ของทรัมป์ กล่าวว่า เขาได้คุยโทรศัพท์กับประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ผู้นำจีน โดยเป็นการคุยกันยาวถึงข้อตกลงระหว่างประเทศ ซึ่งทุกอย่างเดินหน้าไปได้ด้วยดี ถ้าบรรลุข้อตกลงได้ ก็ถือว่าจะครอบคลุมในทุกประเด็น และทุกข้อพิพาทต่างๆ นับเป็นความคืบหน้าครั้งใหญ่
ขณะที่สำนักข่าวซินหัวของจีนออกมาบอกว่า ประธานาธิบดีสีจิ้นผิง ต้องการให้ความสัมพันธ์ของทั้งจีนและสหรัฐฯ "เดินไปข้างหน้าอย่างมั่นคง" พร้อมเสริมว่า ตอนนี้ข้อตกลงของทั้งสองประเทศยังไม่พ้นช่วงอันตราย ทั้งนี้ สำนักข่าวซินหัวยังกล่าวเพิ่มว่า สีจิ้นผิงและทรัมป์ ได้มีการพูดคุยถึงประเด็นพหุภาคีที่มีร่วมกับประเทศในภูมิภาคต่างๆ ด้วย โดยจีนสนับสนุนการพูดคุยระหว่างสหรัฐฯ และเกาหลีเหนือ และหวังว่าจะได้ข้อตกลงที่เป็นบวก
สำนักข่าวซินหัวปิดท้ายว่า รัฐบาลจีนและสหรัฐฯ ได้ทำงานอย่างหนักมาตลอด หวังว่าสุดท้ายแล้วทั้งสองประเทศจะสามารถพบกันได้ครึ่งทาง
อย่างไรก็ตาม ไม่อาจระบุได้ว่าการพูดคุยผ่านทางโทรศัพท์ครั้งนี้ ฝ่ายไหนเป็นฝั่งที่เริ่มก่อน และโดยปกติ ทำเนียบขาวของสหรัฐฯ มักไม่เปิดเผยการโทรศัพท์ของประธานาธิบดี เว้นเสียแต่ว่าประธานาธิบดีออกมาเปิดเผยด้วยตัวเอง โดยตอนนี้ทำเนียบขาวยังไม่ได้ออกมาแถลงใดๆ เกี่ยวกับการพูดคุยครั้งนี้
สำนักข่าวบลูมเบิร์กรายงานว่าคณะผู้แทนสหรัฐฯ จะเดินทางไปเยือนรัฐบาลจีนในช่วงต้นเดือนมกราคม 2562 เพื่อพูดคุยเพิ่มเติม หลังจากมีการพูดคุยกันระหว่างคณะทำงานระหว่างประเทศครั้งล่าสุด ที่กรุงบัวโนสไอเรส ประเทศอาร์เจนตินา เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.ที่ผ่านมา นับเป็นอีกสัญญาณที่ดีสำหรับนักลงทุนถึงความเป็นไปได้ที่พายุสงครามการค้าครั้งนี้จะสงบลงบ้าง
ในการไปเยือนจีนครั้งนี้ มีนายเจฟฟรีย์ เกอร์ริช รองประธานตัวแทนการค้าสหรัฐฯ เป็นผู้นำคณะ ร่วมกับเดวิด มาลแพสส์ เจ้าหน้าที่ระดับสูงประจำกระทรวงต่างประเทศ อย่างไรก็ตาม ในการไปเยือนครั้งนี้จะไม่มี โรเบิร์ต ไลท์ธิเซอร์ ผู้ซึ่งทรัมป์ออกมาบอกว่าจะเป็นหัวหน้าในการพูดคุยกับจีน
แม้ผู้นำสหรัฐฯ จะออกมากล่าวว่า การเจรจาของทั้งสองประเทศส่อแววประสบความสำเร็จ และมีความคืบหน้าขึ้นในด้านต่างๆ อาทิ การอนุญาตให้บริษัทต่างชาติเข้ามาลงทุนในอุตสาหกรรมการเงินของจีนเพิ่มขึ้น โดยจะมีการผ่อนผันเงื่อนไขต่างๆ ที่ทำให้บริษัทต่างชาติเสียเปรียบลงไป อย่างไรก็ตาม หนังสือพิมพ์เดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัลออกมาชี้ว่า ทรัมป์อาจจะพูดเกินจริงเรื่องที่ว่าใกล้จะบรรลุข้อตกลงแล้ว เพราะเดอะวอลล์สตรีทเจอร์นัล มองว่า กระบวนการต่างๆ ยังคงอยู่ใน "ช่วงการเจรจา" เท่านั้น
ที่ผ่านมา รัฐบาลจีนได้ประกาศลดภาษีนำเข้าเป็นครั้งที่ 3 ในรอบสัปดาห์ ครอบคลุมสินค้ากว่า 700 รายการ โดยเริ่มบังคับใช้วันที่ 1 มกราคม 2562 เป็นต้นไป ถือเป็นความพยายามอย่างหนึ่งในการเปิดโอกาสทางเศรษฐกิจและลดต้นทุนการนำเข้าสำหรับผู้บริโภคภายในประเทศ ส่วนทรัมป์ตกลงว่าสหรัฐฯ จะระงับหรือเลื่อนแผนการขึ้นภาษีกว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.5 ล้านล้านบาท ที่อาจส่งผลกระทบต่อสินค้านำเข้าจากจีนไปก่อน
ข่าวการพูดคุยครั้งนี้ส่งผลให้หุ้นสหรัฐฯ ที่ร่วงลงอย่างหนักในช่วงที่ผ่านมาตีตื้นขึ้นมาปิดตัวในแดนบวกได้
ที่มา: Bloomberg