'หลิว เหอ' รองนายกรัฐมนตรีของจีน มีกำหนดเดินทางไปเยือนทำเนียบขาวอีกครั้งในวันพุธที่จะถึงนี้พร้อมคณะอีกกว่า 100 คน เพื่อเจรจายุติสงครามการค้าระหว่างสหรัฐฯ และจีนรอบสุดท้าย อย่างไรก็ตาม แหล่งข่าวใกล้ชิดกล่าวว่า มีความเป็นไปได้ที่คณะเดินทางไปเจรจาครั้งนี้จะเลื่อนการประชุมออกไปหลังทรัมป์ทวิตข้อความขู่ขึ้นภาษีเมื่อวันอาทิตย์ (5 พฤษภาคม) ที่ผ่านมา
ในทวิตของทรัมป์ พูดถึงการขึ้นภาษานำเข้าสินค้ามูลค่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.4 ล้านล้านบาทของจีน เป็นร้อยละ 25 จากเดิมที่ร้อยละ 10 ในวันศุกร์ที่จะถึงนี้ ทรัมป์ยังพูดถึงการขึ้นภาษีสินค้านำเข้าอื่นๆ มูลค่า 3.25 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 10.4 ล้านล้านบาทของจีน เป็นร้อยละ 25 เช่นเดียวกัน
'ลู เซียง' ผู้เชี่ยวชาญด้านความสัมพันธ์สหรัฐฯ-จีนจากสถาบันสังคมศาสตร์จีน กล่าวว่า ทรัมป์กำลังเล่นเกมกดดันจีนอย่างหนัก ซึ่งรัฐบาลจีนต้องเลือกว่าจะยอมก้มหัวให้กับความกดดันที่สหรัฐฯ พยายามสร้างหรือยุติการเจรจาทั้งหมดลง
"ถ้าจีนยกเลิกการเดินทาง ทรัมป์จะโทษจีนเต็มๆ เกี่ยวกับความล้มเหลวในการเจรจา" เซียง กล่าว
เซียง กล่าวเพิ่มว่า ทางออกที่เป็นไปได้หนึ่งคือการส่งคนที่มีระดับต่ำกว่ารองนายกรัฐมนตรีไปในการเจรจาครั้งนี้ พร้อมเสริมว่า จีนมีความคุ้นเคยกับรูปแบบการกลับไปกลับมาของทรัมป์อยู่แล้ว "แต่จีนก็ควรเตรียมตัวรับมือกับสถานการณ์ที่เลวร้ายกว่าสิ่งที่เลวร้ายที่สุดไว้ด้วย"
ผลกระทบหากมีการล้มโต๊ะเจรจา
สงครามการค้าระหว่าง 2 มหาอำนาจของโลก สร้างผลกระทบไม่ใช่แค่กับสหรัฐฯ และจีนเท่านั้น แต่ยังหมายถึงประเทศคู่ค้าของทั้งคู่อีกหลายประเทศ ซึ่งเรียกได้ว่าเป็นการชะลอการค้าโลก บั่นทอนความเชื่อมั่นทางเศรษฐกิจ และทำลายสายพานการผลิต แม้แต่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (ไอเอ็มเอฟ) ยังออกมาปรับลดอัตราการเติบโตของเศรษฐกิจโลกในปีนี้ลงโดยมีปัจจัยสำคัญมาจากสงครามการค้า
ด้านจีน นอกจากผลกระทบโดยตรงเรื่องการส่งออก ค่าเงินหยวนยังอ่อนลงที่สุดในรอบกว่า 3 ปี ขณะที่ตลาดหุ้นก็ไม่ได้มีแนวโน้มดีเท่าไหร่นักเนื่องจากนักลงทุนยังรอความชัดเจนจากสถานการณ์การค้าโลกอยู่
การคำนวณล่าสุดจากสำนักข่าวบลูมเบิร์กพบว่า ภาษีนำเข้าของสหรัฐฯ ที่จีนต้องแบกอยู่ในปัจจุบันบั่นทอนอัตราผลิ���ภัณฑ์มวลรวมในประเทศ หรือจีดีพี ราวร้อยละ 0.5 ของจีดีพีรวมในปีนี้ ดังนั้นหากมีการล้มโต๊ะเจรจาและทรัมป์ขึ้นภาษีนำเข้าเป็นร้อยละ 25 จริง ตัวเลขการเติบโตของเศรษฐกิจจีนอาจถูกฉุดลงถึงร้อยละ 1.5