เศรษฐกิจ
ยังตกลงไม่ได้ จีน-สหรัฐฯ ยืดเวลาเจรจาสงครามการค้า
ตัวแทนผู้เจรจาจากจีนตกลงที่จะเพิ่มระยะเวลาการเจรจาประเด็นสงครามการค้าเพิ่มขึ้น ซึ่งหลายฝ่ายมองว่าเป็นสัญญาณที่ดี
ทั้งนี้ ทำเนียบขาวเผยแพร่แถลงการณ์ ระบุว่านายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีของจีน เห็นว่าการเจรจา “มีความคืบหน้า” เช่นเดียวกับที่นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ระบุว่าข้อตกลง “มีแนวโน้ม (สำเร็จ)” มากกว่าล้มเหลว
ทั้งสหรัฐฯ และจีนมีความพยายามจะเจรจาเพื่อหาข้อยุติเรื่องสงครามการค้า โดยก่อนหน้านี้สหรัฐฯ ขู่ว่าจะขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนมูลค่ากว่า 2 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 6.2 ล้านล้านบาท ซึ่งจะขึ้นมาจากเดิมที่ร้อยละ 10 เป็นร้อยละ 25 ถ้าหากว่าทั้งสองประเทศไม่สามารถตกลงกันได้ก่อนวันที่ 1 มี.ค.2562
ขณะที่จีนเสนอว่าจะเพิ่มการนำเข้าสินค้าจากสหรัฐฯ เช่น ถั่วเหลืองและอุปกรณ์เซมิคอนดักเตอร์ เพื่อช่วยลดการขาดดุลการค้าจากฝั่งสหรัฐฯ ที่ ปธน.ทรัมป์ พยายามพุ่งเป้าแก้ปัญหา แต่ไม่ได้พูดถึงถึงกรณีที่สหรัฐฯ กล่าวหาว่าจีนเอาเปรียบนักลงทุนสัญชาติอเมริกันที่เข้าไปดำเนินการในจีน เพราะมีการตั้งเงื่อนไขว่าผู้ประกอบการต่างชาติในจีนจะต้องเปิดเผยข้อมูลตามที่รัฐบาลจีนเรียกร้อง
เมื่อวันศุกร์ 22 ก.พ.2562 ที่ผ่านมา ทรัมป์ไม่ได้ออกมาบอกว่าจะมีการยืดเส้นตายการขึ้นภาษีออกไป แต่ย้ำว่าการเจรจามีความคืบหน้า อาทิ มีความพยายามในการแก้ไขปัญหาการปั่นค่าเงิน
อย่างไรก็ตาม การเจรจาครั้งล่าสุดไม่ได้มีการพูดถึงกรณีหัวเว่ยแต่อย่างใด หลังจากมีกรณีพิพาทระหว่างสหรัฐฯ จีน และแคนาดา เนื่องจากสหรัฐฯ ขอความร่วมมือแคนาดาให้จับกุม 'เมิ่งหว่านโจว' ผู้บริหารระดับสูงและลูกสาวของผู้ก่อตั้งหัวเว่ย ในข้อกล่าวหาว่าก่อตั้งบริษัทย่อยเพื่อฉ้อโกง
แม้ว่าเมิ่งหว่านโจวจะได้รับการประกันตัวแล้ว แต่สหรัฐฯ ยังคงกดดันหัวเว่ยอย่างต่อเนื่อง โดยเรียกร้องให้ประเทศพันธมิตรยุติการใช้เครือข่ายและอุปกรณ์ 5G ของหัวเว่ย โดยระบุว่าอาจเกี่ยวพันกับการสอดแนมข้อมูล ทำให้ผู้ก่อตั้งหัวเว่ยออกมาตอบโต้ว่า สหรัฐฯ ไม่มีวันทำลายหัวเว่ยได้
แม้จะมีความยืดเยื้อเกิดขึ้นตลอดหลายเดือนที่ผ่านมาระหว่่างจีนและสหรัฐฯ แต่ความพยายามในการเจรจาของทั้งสองฝ่ายก็ส่อเค้าให้เห็นว่าทั้งสองประเทศต่างก็เดือดร้อนจากความบาดหมางครั้งนี้ ประเด็นสงครามการค้าจึงดูจะมีหวังที่จะหาข้อยุติได้มากขึ้น
ทั้งนี้ ทรัมป์ปิดท้ายว่าตนอาจพบปะพูดคุยโดยตรงกับสีจิ้นผิงในเดือนมีนาคมที่จะถึง
