สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความพอใจผลงาน 6-7 เดือนที่ผ่านมา รวมถึงกระแสข่าวจะถูกปรับออกจากรัฐมนตรี ว่า ผลงานเป็นที่น่าพอใจ แต่ยังไม่ 100% เพราะหลายเรื่องยังไม่ออกมา บางเรื่องยังเป็นเรื่องของการเริ่มต้น แต่เรามีคณะกรรมการ 8 คณะที่ตั้งขึ้นมา ซึ่งวันนี้ได้สั่งการอีกว่าคณะไหนที่ขับเคลื่อนได้โดยยังไม่ต้องพึ่งการแก้ไขกฎระเบียบ หน่วยงานไหนทำได้ก็ทำเลย ส่วนเรื่องใดที่เกี่ยวข้องกับการแก้กฎหมาย หรือระเบียบที่เกี่ยวข้อง ก็จะเริ่มดำเนินการ เชื่อว่าคณะกรรมการ 8 + 2 ของตน ไม่เกิน 1-2 เดือนจะเห็นผล ส่วนเรื่องปรับ ครม. เป็นเรื่องปกติ ไม่ได้คิดอะไรมาก เมื่อถามว่า ทำไมถึงมีชื่อของตนในการปรับ ครม. สุทิน กล่าวว่า กระทรวงนี้เป็นที่น่าสนใจ
เมื่อถามว่า หากมีการปรับ แล้วนายกฯ มาควบกลาโหมเอง ตามมารยาทแล้ว นายกฯ จะต้องมาคุยกับตนหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า “ผมเคยบอกแล้วว่านายกฯ เป็นกัปตันทีม ท่านจะเปลี่ยนและสลับตำแหน่งผู้เล่น สามารถทำได้ เพราะเป้าหมายคือต้องได้ประตู และต้องชนะ สำหรับผมไม่มีปัญหา”
เมื่อถามว่า หากนายกฯมาควบกระทรวงกลาโหม นโยบายและแผนงานต่างๆที่ผ่านมา จะได้รับการสานต่ออย่างไร สุทิน กล่าวว่า หากท่านมา ท่านต้องทำอยู่แล้ว เพราะสิ่งที่ผมทำก็เป็นนโยบายรัฐบาล ใครมาอยู่ตรงนี้ หากมาจากพรรคเรา ก็ต้องทำต่อ“
เมื่อถามว่า ไม่รู้สึกน้อยใจหรือเสียใจเพราะมาอยู่กระทรวงกลาโหม ได้ประมาณ 7 เดือน เพราะกำลังวางฐานปรับตัวเข้ากับระบบราชการแต่ถูกย้าย สุทิน กล่าวว่า ก็เสียดายเพียงว่า อยากจะใช้เวลาพิสูจน์ว่าพลเรือนก็เป็นรัฐมนตรีที่ดีได้ นักการเมืองก็มีวุฒิภาวะพอที่จะรับผิดชอบงานความมั่นคงได้ เสียดายตรงนี้นิดเดียว ส่วนเรื่องอื่นไม่เสียดาย เพราะใครมาก็ทำต่อได้ ถ้านายกฯ มาอำนาจท่านก็สมบูรณ์อยู่แล้วทำได้ดี
เมื่อถามว่า บางคนบอกว่าระยะเวลา 7 เดือน น้อยไปที่จะพิสูจน์การทำงาน สุทิน กล่าวว่า อยู่ที่เกณฑ์ช่วงเวลา เช่น 6 เดือนทำได้เท่านี้ ก็ดีแล้ว 10 เดือนเท่านี้ 2 ปีต้องเท่านี้ สำหรับ 7 เดือน ก็วัด 7 เดือนถ้า 7 เดือน ทำได้แค่นี้ ก็พอใจ มันอยู่ที่เกณฑ์วัดและเวลา เมื่อถามว่า เคพีไอ 6-7 เดือนโหดไปหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า ไม่หรอก ในอดีต 2 เดือนก็มี นายกฯ ประเทศไทย 16 วัน ยังมีเลย 2 เดือนก็มี ไม่เป็นไร บ้านเมืองเราก็มี
เมื่อถามว่า มีแรงกระเพื่อมในพรรคเพื่อไทยหรือไม่ เพราะรายชื่อรัฐมนตรีที่หลุด ครม. เป็น สส.อีสาน ถึง 3 คน สุทิน กล่าวว่า ตนยังไม่เห็นรัฐมนตรีที่มีชื่อออกมาแสดงท่าทีจะทำให้เกิดปัญหา ทุกคนก็ให้เกียรตินายกฯ ให้เกียรติพรรค ถ้าทุกคนออกมาแสดงท่าทีโวยวาย หรือไม่ให้เกียรตินายกฯและพรรค อันนี้ตนมองว่าน่าห่วง แต่ตอนนี้ทุกคนมีท่าทีให้ความร่วมมือ
เมื่อถามว่า ไม่ว่าตนจะอยู่ในตำแหน่งใด ยังอยู่คงพรรคเพื่อไทยใช่หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า พรรคให้อยู่ก็อยู่ ถ้าอยู่มันอยู่ 2 ฝ่าย คือ พรรคให้อยู่ และเราอยู่ ถ้าคิดจะย้ายพรรคก็ย้ายแล้ว ถูกไหม มีเหตุการณ์หนักกว่านี้ที่ควรย้าย เยอะชีวิตผม
เมื่อถามว่า หากต้องพ้น รมว.กลาโหม โครงการเรือดำน้ำ โครงการจัดหาเครื่องบินรบ และโครงจัดซื้ออาวุธยุทโธปกรณ์อื่นๆ จะดำเนินการต่อได้หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า คนมาทำก็ดำเนินการต่อได้ ผมอยู่ไหนก็ช่วยต่อ แม้ไม่ได้เป็นรัฐมนตรี ผมก็จะช่วย ไม่มีปัญหา
"มีเรื่องเดียวที่แม้ว่าผมไม่อยากจะพูด แต่ดราม่ากันไปเยอะ ถือโอกาสอธิบายเรื่องมอบพวงมาลัย ส่งแล้วไม่รับ ผมฟังอยู่ผิดเพี้ยนไปเยอะ ผมเข้าพบท่านทักษิณก่อนใครเลย คือวันที่ 9 เม.ย. สองต่อสอง ก็ไปรดน้ำดำหัว และคุยกัน ท่านก็มีเมตตาให้พร ให้คำปรึกษาในการทำงานเยอะ แต่มีคนไปลงข่าว บอกว่าวันที่ 12 เม.ย. ผมไปขอเข้าพบ แล้วท่านไล่มาทำงาน ไปทำไมบ่อยๆ จะไปวันที่ 14 เม.ย. ยังเกรงใจเลย กลัวว่ามาบ่อย แต่เพื่อนชวนก็ไป
ตอนนั้นตอนที่คนเอาคลิปมาลง ถ้าสังเกตดีๆผมอยู่กับท่านพายัพ ชินวัตร ท่านพายัพก็ถือ ผมก็ถือพวงมาลัย ก็คุยกัน ท่านพายัพบอกว่าไม่เหมาะหรอก ถ้ามามอบตอนนี้ ให้ท่านนั่งเป็นทางการ เป็นเด็กให้ผู้ใหญ่ ผมไม่ได้ยื่นเลย แต่ผมยกมือไหว้ ถ้าจะมอบผมก็ต้องยื่น ถ้ายื่นท่านก็ต้องรับ ท่านเป็นผู้ใหญ่มีเมตตา ท่านไม่ได้คิดแค่นั้น ขอให้เข้าใจกันใหม่ เรื่องนี้ไม่มี ยังเป็นปกติ ยังคุยปกติ จากนั้นก็เข้าไปนั่งคุยในห้อง แล้วก็มอบให้ แต่ตอนมอบคนไม่ได้ดู"
เมื่อถามว่า แสดงว่าไม่ได้เป็นสัญญาญลบอะไร สุทิน กล่าวว่า “ผมไม่ได้มีความรู้สึกอะไรที่ไม่ดี เป็นปกติ ผมยังแซวท่านเลย ท่านใส่เสื้อหัวใจแดง ท่านบอกว่าผมใส่เสื้อตัวนี้มา เพราะผมรักทุกคน”
เมื่อถามว่า เมื่อวันที่ 9 เม.ย. ที่พูดคุยกับ ทักษิณ มีสัญญาใจรับประกันอะไรหรือไม่ เพราะมีกระแสข่าวพุ่งไปที่ตำแหน่งประธานสภาฯ แทน จากผู้ที่หลุด ครม. สุทิน กล่าวว่า ไม่มีคุย แต่คุยเรื่องแนะนำการทำงานและอวยพรให้พรการทำงาน เทคนิคการทำงาน
เมื่อถามว่า หากหันไปมอง ผบ.เหล่าทัพ ที่อยู่ด้านหลัง มองแววตาอยากให้ย้ายหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า ไม่ต้องหรอก อันนี้เป็นเรื่องละเอียดเกินไป
เมื่อถามว่า การไปเข้าพบ ทักษิณ เป็นสัญญาณได้อยู่ต่อหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า ท่านคงไม่แนะนำถึงขนาดนั้น ท่านแนะนำกว้างๆ ส่วนเรื่องการบริหารบุคคลบริหารทีม อยู่ที่นายกฯ ตัดสินใจของท่านเอง
เมื่อถามว่า ทักษิณ เคยได้รับบทเรียนราคาแพงจากกองทัพมาก่อน มีการเตือนให้ระวังกองทัพหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า “ท่านไม่ได้พูด และไม่ต้องพูดด้วย เพราะผมก็อยู่ด้วยในสถานการณ์นั้นมาตลอด ก็ได้เรียนรู้มาพร้อมๆกัน รู้ว่าอะไรควรไม่ควร อะไรต้องระวัง ไม่ต้องระวัง ท่านไม่ต้องบอก ผมก็รู้พอๆกับท่าน อยู่ด้วยกันมากับท่าน”
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้มีการพูดคุยเกี่ยวกับการปรับ สุทิน ออกจากรัฐมนตรีหรือไม่ และถ้าไม่ได้มีการพูดคุยแต่ปรับออก จะรู้สึกเคืองหรือไม่ สุทิน บอกว่า “ไม่พูด ก็ไม่เป็น และไม่เคือง เพราะ สุทิน เป็นคนแบบนั้น แฟร์ๆ อยู่แล้ว ให้เกียรติกับทุกคน ส่วนตัวมองว่าหากปรับออก ยังไงก็ต้องมีการบอกและส่งสัญญาณกัน จึงเข้าใจว่ายังไม่ถึงเวลา”
ถามต่อว่า คนมองว่าขณะนี้เป็นการเมืองแบบถอยหลังเข้าคลอง เพราะที่สุดแล้ว ต่างเป็นการมืองแบบตอบแทนให้กัน สุทิน กล่าวว่า แล้วแต่คนจะคิด แต่เรื่องดีๆก็มี ส่วนเหตุผลที่มีการปรับ สุทิน และ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว รมว.สาธารณสุข เป็นเพราะไม่มีคนหนุนหลังหรือไม่ สุทิน ตอบว่า เรื่องนี้ต้องไปถามว่า เหตุผลเพราะอะไร เพราะตนไม่รู้ ที่ผ่านมาก็ปรับเปลี่ยนกันตลอด
ส่วนจะบอกคนในพื้นที่ภาคอีสานอย่างไร เพราะเป็นเหมือน เสร็จนาฆ่าโคถึก สุทิน กล่าวว่า ชาวบ้านรู้ใครทำงาน ชาวบ้านทุกวันนี้เก่ง พร้อมทั้งให้กำลังใจกับตน บอกว่าจะเป็นรัฐมนตรีกี่เดือนก็แล้วแต่ 6 เดือน ก็เป็น 6 เดือน ที่ครองใจประชาชนอยู่แล้ว เชื่อว่าเมื่อถึงเวลาจะอธิบายกับประชาชนได้
เมื่อถามย้ำว่า มีกระแสข่าวปรับออกจาก ครม. ได้พูดคุยกับนายกฯ หรือไม่ สุทิน ระบุว่า “ยัง ย้ำว่ายังไม่ใช่ และในที่ประชุม ครม. ไม่ได้คุยเรื่องนี้ เป็นการทักทายกันปกติ และคุยกันหลายเรื่อง”
เมื่อถามต่อว่า ความพร้อมหากถูกปรับออก ให้ไปทำงานสภาฯ สุทิน กล่าวว่า ทำงานได้ทุกที่ ถนัดทุกอย่าง บริหารก็ถนัด
ส่วนประเด็นเรือดำน้ำที่แก้ปัญหาไม่สำเร็จ และกลายเป็นว่าทำงานไม่สนองนโยบาย จึงเป็นเหตุทำให้ถูกปรับออกจากรัฐมนตรีนั้น สุทิน คิดว่าไม่เกี่ยว เพราะเป็นการทำงานร่วมกันกับหลายคน และตนเข้าใจสถานการณ์ดี ยืนยันว่าทำงานตามกฎและนโยบายของรัฐบาล
อย่างไรก็ตามระหว่างที่ สุทิน ออกจากโพเดียม ได้เดินมาพูดคุยกับสื่อมวลชน ชี้แจงปมดรามาพบ ทักษิณ และการถูกปรับออกจากตำแหน่งรัฐมนตรี พูดคุยด้วยท่าทีผ่อนคลายสีหน้ายิ้มแย้ม จากการสังเกตพบว่า สุทิน ได้นำพิมเสนที่ถือในมือ มาทาบริเวณจมูก พร้อมขยี้ตาด้วย