วันที่ 15 ก.พ. สุทิน คลังแสง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม กล่าวภายหลังการประชุมสภากลาโหม ครั้งที่ 2/2567 ถึงกรณีการปกป้องสถาบัน ภายหลังนักกิจกรรมบีบแตรใส่ขบวนเสด็จ ในการประชุมสภากลาโหม ว่า วันนี้มีการพูดคุยถึงกรณีดังกล่าว และก่อนหน้านี้ก็เฝ้าติดตามสถานการณ์เรื่องนี้มาโดยตลอด พร้อมกับได้สั่งการทุกเหล่าทัพที่มีหน้าที่ในเรื่องดังกล่าว ได้เกาะติดสถานการณ์ และสกัดกั้นไม่ให้เกิดเหตุการณ์อีก
สุทิน ยังกล่าวอีกว่า ในการถวายอารักขาความปลอดภัย กองทัพถือว่าเป็นเรื่องสำคัญสูงสุด แต่ยังมีหน่วยงานที่รับผิดชอบโดยตรงคือเจ้าหน้าที่ตำรวจ และในส่วนพระองค์ และทางกองทัพให้การสนับสนุนและเฝ้ามอง ถ้าหากเกินกำลังของทั้ง 2 หน่วย กองทัพพร้อมตลอดเวลา ซึ่งวันนี้ทั้งงานด้านการข่าวการสกัดกั้นความเคลื่อนไหว กองทัพทำอยู่ และจะทำทุกวิถีทางไม่ให้เกิดเรื่องนี้ขึ้นอีก
ทั้งนี้ สุทิน กล่าวว่า กองทัพสามารถแสดงจุดยืนได้อย่างเต็มที่ในกรอบ ระเบียบวินัย ซึ่งในช่วง 2-3 วันที่ผ่านมา กองทัพก็ทำอยู่ในเกณฑ์ที่พองาม เราจะไม่ก้าวเกินจนถึงขนาดไปคุกคาม หรือละเมิดสิทธิ์ของประชาชน เราต้องคำนึงถึง 2 เรื่องนี้
เมื่อถามว่า มีหลายฝ่ายกังวลว่าเหตุการณ์ดังกล่าวจะนำไปสู่เหตุการณ์ 6 ตุลาคม 2519 สุทิน กล่าวว่า เราก็ระมัดระวังอยู่เรื่องนี้ แม้เราจะต้องถวายอารักขาความปลอดภัยเต็มที่ แต่เราก็ต้องใช้สติปัญญา โดยการนำประสบการณ์ในอดีต หากเราไม่ดูแลและไม่ละเอียดอ่อนอาจจะเกิดผลในอีกทางหนึ่ง และเชื่อว่าอาจมีคนคิดทำเช่นนั้นอยู่ เราก็เฝ้ามองและรู้ทัน และจะไม่ตกเป็นเครื่องมือและปล่อยให้สถานการณ์เลยเถิดไปขั้นนั้น
ทั้งนี้ สุทิน ยังฝากถึงประชาชนทุกกลุ่มว่าควรคำนึงถึงกฎหมายและประเพณีจารีตที่ดีงามของคนไทย สิ่งไหนควรไม่ควร และอยากให้ทุกคนมีความรับผิดชอบต่อประเทศให้มาก การใดที่เราทำไป อาจถูกใจเรา สะใจเรา แต่ไปกระทบจิตใจคนไทยอีกฝ่ายหนึ่ง จะเกิดความขัดแย้งได้ และเมื่อเกิดแล้วก็จะเสียหายกับทุกคน อยากให้คิดเรื่องนี้ให้มาก ระมัดระวังว่าคนในประเทศไม่ได้คิดเหมือนกัน
เมื่อถามว่า ได้ประเมินสถานการณ์หรือไม่ เรื่องการขวางขบวนเสด็จกำลังครุกรุ่น และในสัปดาห์นี้หน้านี้ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการพักโทษ อาจมีการเคลื่อนไหวของกลุ่มต่างๆสถานการณ์จะรุนแรงขึ้นหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า คงไม่แรงขึ้น แต่เหตุการณ์ที่อยู่นอกเหนือความคาดหมาย เราก็ต้องระวังอยู่ แต่จากการประเมินในขณะนี้เชื่อว่าไม่มีเหตุการณ์ในลักษณะนั้น เพราะหากเกิดแล้ว ทุกคนทราบว่ากระทบจิตใจกัน
โดยภายหลังการให้สัมภาษณ์เสร็จสิ้น สุทิน ได้นำคณะทำงานที่สวมเนคไทสีม่วง ซึ่งเป็นสีประจำพระองค์ สมเด็จพระกนิษฐาธิราชเจ้า กรมสมเด็จพระเทพรัตนราชสุดาฯ สยามบรมราชกุมารี มายืนโชว์สื่อมวลชน พร้อมทั้งระบุว่า การสวมเนคไทวันนี้ไม่ได้เป็นการแสดงจุดยืนหรือแสดงอะไร แต่เป็นการถวายกำลังใจมากกว่า และอยากให้กระตุ้นเตือนคนไทยทุกคน พร้อมทั้งยอมรับว่า เมื่อเกิดเหตุการณ์เช่นนี้ เราได้เห็นบรรยากาศความขัดแย้งของคนภายในประเทศ ตั้งแต่ระดับฝ่ายบริหาร เช่น ในรัฐสภา มวลชน เพราะเป็นเรื่องละเอียดอ่อน ซึ่งถือเป็นเรื่องที่ต้องระวัง พอเกิดอะไรขึ้นมาก็ซวยกันทั้งหมด
ขณะที่ พล.ร.ต.ธนิตพงศ์ สิริเศวตศักดิ์ โฆษกกระทรวงกลาโหม กล่าวเพิ่มเติมว่า ปัจจุบันไม่มีการปิดการจราจรเมื่อมีขบวนเสด็จฯ ซึ่งพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ทรงมีความห่วงใยประชาชน ที่ได้รับผลกระทบจากขบวนเสด็จฯ ทั้งขบวนเสด็จฯของพระองค์ และพระบรมวงศานุวงศ์ จึงทรงมีพระราโชบาย มอบหมายให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้กำหนดแนวทางอำนวยความสะดวกด้านการจราจรให้มีความเหมาะสม มีการจัดช่องทางให้เสด็จฯ ในส่วนของพระองค์ และช่องทางของประชาชน
ในส่วนของฝ่ายความมั่นคง ก็จะปฏิบัติตามพระราชบัญญัติการถวายความปลอดภัย พ.ศ. 2557 และ 2560 และดำเนินการถวายพระเกียรติต่างๆ ในการปฏิบัติภารกิจ ให้เป็นไปตามพระราชประสงค์
สุทิน กล่าวถึงความเคลื่อนไหวทางการเมืองกลุ่มต่างๆ ภายหลังเกิดกรณีขบวนเสด็จฯ และ ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี จะได้รับการพักโทษในช่วงวันที่ 18ก.พ.นี้ ว่า เท่าที่ประเมินเชื่อว่าคงไม่แรงขึ้น เหตุการณ์ความเคลื่อนไหวก็ต้องระวัง แต่เท่าที่ประเมินวันนี้ ก็เชื่อว่าจะไม่มีเหตุการณ์ เพราะเมื่อเกิดแล้วทุกคนก็รู้ว่ากระทบจิตใจ
เมื่อถามว่าเป็น รมว.กลาโหม มาแล้ว 6 เดือน ได้อยู่ท่ามกลางนายททหาร ได้มองกองทัพว่ามอง ทักษิณ อย่างไร ซึ่งใกล้ช่วงที่จะได้รับการพักโทษแล้ว สุทิน กล่าวว่า กองทัพไม่ได้สนใจบุคคล ซึ่งกองทัพสนใจระบบและสถานการณ์โดยรวมของประเทศ กองทัพไม่ได้สนใจบุคคลใดบุคคลหนึ่ง พรรคใดพรรคหนึ่ง เขามองภาพรวม และภารกิจของกองทัพไม่ได้คิดว่าใครจะได้ใครจะเสีย แต่คิดว่าประเทศอยู่ได้ ประเทศได้ประโยชน์เท่านั้นเอง
เมื่อถามว่า แต่ในสถานการณ์เช่นนี้ที่เข้าสู่ช่วงจัดโผโยกย้ายนายทหารชั้นนายพลกลางปี ซึ่งเป็นโผแรกของ นายกฯและรมว.กลาโหม อีกทั้งเป็นช่วงหลัง ทักษิณ ได้รับพักโทษ จะจัดวางสมดุลอย่างไร ในการป้องกันการเมืองแทรกแซงและตรวจสอบกองทัพ สุทิน กล่าวว่า กองทัพเขามีโครงสร้างพิจารณาอยู่แล้ว มีระบบ มีประเพณีอยู่แล้ว เชื่อว่าเราก็ไม่ต้องไปยุ่งเกี่ยวแทรกแซง เขาเป็นองค์กรที่มีวัฒนธรรมสั่งสมมา เชื่อว่าจะเดินไปได้
เมื่อถามย้ำว่า ไม่มี ทักษิณ มาเป็นปัจจัยในการแต่งตั้งโยกย้าย สุทิน กล่าวว่า “ไม่อยู่แล้ว ท่านไม่ยุ่ง เรื่องนี้ไม่เห็นมีอะไร ท่านไม่ยุ่งอยู่แล้ว”
เมื่อถามว่า นายกฯ ได้ให้นโยบายในการจัดโผโยกย้ายนายพลหรือไม่ สุทิน กล่าวว่า นายกฯ ได้กำชับเรื่องหลักๆ คือเรื่องความโปร่งใสของกองทัพ การจัดซื้อจัดจ้าง และเรื่องการแต่งตั้งโยกย้ายให้เป็นไปโดยโปร่งใส ให้กำลังพลมีขวัญกำลังใจ และรักองค์กรของเขา ถ้าเราไปทำอะไรให้เกิดให้เขาเสียประเพณีและเสียวัญ ไม่รักองค์กร ก็จะเป็นความเสียหาย อีกเรื่องคือการประชาสัมพันธ์ไอโอ ให้ประชาสัมพันธ์เฉพาะผลงานรัฐบาลอย่าเอาไปใช้ประโยชน์การเมือง
เมื่อถามถึงกรณีนักวิชาการออกมาระบุว่าภายหลัง ทักษิณ ได้รับการพักโทษจะมีการปรับ ครม. สุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ ซึ่งท่านทักษิณไม่ได้เกี่ยวข้องกับเรื่อง ครม. ที่ต้องมีคนใน
เมื่อถามว่า ขาเก้าอี้ รมว.กลาโหม โดนโยกหรือไม่ สุทิน หัวเพราะและกล่าวว่า ไม่ได้คิดอะไร ยังดีอยู่ ก็เดินหน้าทำงาน ก็ยังเห็นอยู่วันนี้ ไม่มีอะไรไหวหวั่น ทำงานเต็มที่
เมื่อถามว่าจะไปเยี่ยม ทักษิณ หรือไม่ สุทิน กล่าวว่า “ไม่ไป เดี๋ยวเป็นข่าว”
เมื่อถามว่า ทักษิณ จะได้รับพักโทษวันที่เท่าไหร่ สุทิน กล่าวว่า ไม่ทราบ รู้เท่ากับสื่อ
เมื่อถามว่า ไปทำรากฟันมา 7 ซีกเป็นอย่างไรบ้าง สุทิน กล่าวว่า หมอบอกว่าอยากเจ็บครั้งเดียวหรือหลายๆครั้ง ผมเลือกครั้งเดียว เจ็บแต่จบ พร้อมกล่าวติดตลกว่า เพราะผมเป็น รมว.กลาโหม คุมกองทัพ จึงเลือกทำทีเดียว เพื่อแสดงถึงความเข้มแข็ง