นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวภายหลังเปิดการอบรมกัญชาการแพทย์รุ่น 2 กับแพทย์และเภสัชกร ว่า ได้เน้นย้ำเรื่องการสั่งจ่ายและการใช้กัญชาทางการแพทย์ หลังเกิดปัญหาคนทดลองใช้กัญชาจนเกิดอาการ วูบหลบ หัวใจเต้นเร็วและได้รับรายงานว่ามีผู้ป่วยมี อาการจากพิษของกัญชา ทั้ง หัวใจเต้นเร็ว วูบ และอยากทำความเข้าใจกับประชาชนว่า ผู้ที่ใช้ควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์ ที่ให้การรักษาอยู่ร่วมด้วย เนื่องจากองค์ความรู้ของการใช้กัญชา ยังไม่แน่ชัดถึงความเหมาะสมในการใช้ ทำให้บางคนมีอาการได้รับผลข้างเคียงจากฤทธิ์ของกัญชา เพราะกัญชายังจัดเป็นยาเสพติดประเภท 5 อยู่
นพ.สมศักดิ์ กล่าวต่อว่า การอบรมใช้กัญชาทางการแพทย์ เน้นการดูแลใน 4 กลุ่มโรค ได้แก่ โรดลมชักในเด็ก, แก้อาการคลื่นไส้อาเจียนจากเคมีบำบัด บรรเทาอาการปวด กรณีที่ไม่สามารถใช้ยาแก้ปวดอื่นได้และปอกประสาทเสื่อมแข็งเท่านั้น ไม่ได้สามารถรักษาได้ทุกโรค เพราะกัญชาไม่ใช่ยาครอบ จักรวาล รักษาได้ทุกอย่างและไม่ได้รักษาได้ ถึง 39 โรค อย่างที่มีการแชร์และส่งต่อในระบบไลน์
ด้าน นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถานบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติ บรมราชชนนี กล่าวว่า กัญชา ยังเป็นยาเสพติดประเภท 5 แน่นอนว่าย่อมมีฤทธิ์ทั้งกดประสาทและกระตุ้น ทำให้ผู้ได้ รับกัญชา มีตั้งแต่ นอนหลับ สลบไสล ตื่นตัว กังวล หัวใจเต้นเร็ว มีอาการทั้งทางกายและใจครบ การใช้น้ำมันกัญชาเพื่อหยดรักษาในขณะนี้ ควรทำภายใต้กรอบการดูแลของแพทย์ ไม่ใช่ทดลองใช้ตามลำพัง เพราะฤทธิ์ของกัญชาในการใช้ในแต่ละคน การแสดงอาการแตกต่างกัน บางคนอาจไม่มีอาการมาก บางคนรุนแรง ซึ่งเมื่อมีอาการเกิดขึ้นแล้ว ใจสั่น หวิว วูบ ควรรีบพบแพทย์ทันที อย่านอนใจ และต้องแจ้งแพทย์ด้วยว่า เพิ่งใช้กัญชามา เพื่อให้สามารถถอนพิษกัญชาได้อย่างรวดเร็ว