นพ.สุขุม กาญจนพิมาย ปลัดกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวว่า การทำเวิร์กชอปเรื่องของกัญชาเสรีทางการแพทย์ โดยแบ่งทีมแพทย์ออกเป็น 6 กลุ่ม เพื่อสร้างความเข้าใจเรื่องกัญชาที่ถูกต้อง ประกอบด้วย 1.การแพทย์แผนไทยและการแพทย์แบบผสมผสาน 2.การแพทย์แผนปัจจุบัน ด้านการปลูก การผลิต การกระจาย(supply chain ) 3.ระบบบริการการแพทย์แผนปัจจุบัน 4.การกำกับดูแล เช่น การปลดล็อกกัญชง การผลักดันเข้าบัญชียาหลัก ผลิตภัณฑ์ที่ยังไม่ถูกกฎหมาย 5.กลไกการขับเคลื่อนนโยบายกัญชาทางการแพทย์ และ 6.การจัดการความรู้สื่อสารเผยแพร่ประชาสัมพันธ์ในภาพรวมกระทรวงสาธารณสุข 

และคาดว่าวันจันทร์ที่ 19 ส.ค.นี้ จะสามารถส่งมอบกัญชาให้กับ รพ.ทั้ง 19 แห่ง ประกอบด้วย รพ.แผนปัจจุบัน 12 แห่ง , รพ.แพทย์แผนไทย 7 แห่ง แห่งละ 350 ขวด รวม 3,900 ขวด เพื่อแจกจ่ายยากัญชาหรือสารสกัดจากน้ำมันกัญชาที่มีทั้ง THC และCBD รวมทั้ง THC และ CBD ขนาด 1 ต่อ 1 และหรือน้ำมันกัญชาผสมน้ำมันมะพร้าวตามตำรับแพทย์แผนไทยประยุกต์ และการในการจัดเก็บต้องปฎิบัติตามกฎหมายเนื่องจากน้ำมันกัญชา ยังจัดเป็นวัตถุเสพติดอยู่

ส่วนการเข้ารับบริการประชาชนสามารถมารอรับบริกการได้ตนเอง โดยต้องผ่านการตรวจประเมินว่าโรคที่ใช้เหมาะสมหรือไม่ ไม่ใช่ทุกโรคจะได้น้ำมันกัญชา และขอยืนยันไม่มีการเก็บค่าบริการทั้งสิ้น

ด้าน นพ.สมศักดิ์ อรรฆศิลป์ อธิบดีกรมการแพทย์ กล่าวว่า ขณะนี้ได้เปิดคลินิกรับปรึกษาการใช้กัญชาทางการแพทย์ 31 แห่ง ซึ่งเปิดให้บริการมาแล้วระยะหนึ่ง มีผู้มาขอรับปรึกษา และลงทะเบียนขอใช้น้ำมันกัญชา 2,000 คน แต่สามารถใช้กัญชาได้จริงแค่ 200 คนเท่านั้น ยืนยันกัญชาไม่ได้รักษาทุกโรค 

โดยผู้ป่วยมะเร็งต่อมน้ำเหลืองที่มีแผลที่คอสาหัส จ.อุบลราชธานี ได้เสียชีวิตลงแล้ว เมื่อวันที่ 8 ส.ค.ก็เป็นเครื่องยืนยันว่ากัญชาไม่ได้รักษามะเร็งได้ โดยจากประวัติผู้ป่วยรายนี้ใช้น้ำมันกัญชาเพื่อบรรเทาอาการ ให้มีคุณภาพชีวิตดีกินอิ่มนอนหลับและมีการเพิ่มขนาดน้ำมันกัญชาขึ้นเรื่อยๆทีละหยด จาก 1เป็น 2 หยด และ 20 หยดในที่สุด ส่วนสาเหตุการเสียขีวิตพบว่าปอดอักเสบ ซึ่งไม่สามารถยืนยันได้ว่าเกี่ยวกับการใช้น้ำมันกัญชาหรือไม่

ข่าวที่เกี่ยวข้อง

• 'อนุทิน' ประชุมร่วม 'เกษตรกร' หารือแนวทางปลูกกัญชาทางการแพทย์