รายงานการสังเกตการณ์ของสหประชาชาติความยาว 213 หน้า พบว่าเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา เกาหลีเหนือมีรายได้กว่า 200 ล้านดอลลาร์ หรือราว 6,400 ล้านบาท จากการส่งออกสินค้าผิดกฎหมายซึ่งรวมถึงอาวุธสงคราม ที่เกาหลีเหนือส่งออกให้กับเมียนมาและซีเรีย นอกจากนี้ยังพบหลักฐานที่บ่งชี้ว่าเกาหลีเหนือกำลังช่วยซีเรียในการผลิตอาวุธเคมี และช่วยจัดหาขีปนาวุธให้กับเมียนมา
อย่างไรก็ตาม เอกอัครราชทูตของซีเรียและเมียนมาประจำสประชาชาติได้ออกมาปฏิเสธข้อมูลดังกล่าว โดยทางซีเรียยอมรับว่ามีผู้เชี่ยวชาญจากเกาหลีเหนืออาศัยอยู่ในซีเรียจำนวนหนึ่งจริง แต่เป็นผู้เชี่ยวชาญด้านกีฬาที่เข้ามาฝึกสอนกีฬาให้กับนักกีฬาของซีเรียเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่ทำอย่างอื่น ด้านเมียนมาก็ปฏิเสธว่าไม่เคยมีความสัมพันธ์ด้านการซื้อขายอาวุธกับเกาหลีเหนือ
รายงานของสหประชาชาติยังระบุด้วยว่าเกาหลีเหนือยังคงเยาะเย้ยคำสั่งคว่ำบาตรของสหประชาชาติ ด้วยการลักลอบส่งออกถ่านหินไปยังหลายประเทศ ทั้งรัสเซีย, จีน, เกาหลีใต้, มาเลเซีย และเวียดนาม โดยมีการปลอมแปลงเอกสารว่าถ่านหินเหล่านี้มาจากรัสเซียหรือจีน ไม่ได้มาจากเกาหลีเหนือ
สหประชาชาติได้เพิ่มมาตรการคว่ำบาตรเกาหลีเหนือมาตั้งแต่ปี 2016 เพื่อลงโทษโครงการทดสอบขีปนาวุธและพัฒนาอาวุธนิวเคลียร์ของเกาหลีเหนือ ห้ามเกาหลีเหนือส่งออก ถ่านหิน, เหล็ก, ตะกั่ว, สิ่งทอ และอาหารทะเล และยังจำกัดการส่งออกน้ำมันดิบไปยังเกาหลีเหนือด้วย แต่ที่ผ่านมาเกาหลีเหนือก็มีวิธีการหลบเลี่ยงการถูกตรวจจับการส่งออกสินค้าหลายวิธี ไม่ว่าจะเป็นการใช้เส้นทางขนส่งสินค้าทางทะเลเส้นทางใหม่, การปลอมแปลงเอกสาร หรือการตบตาเจ้าหน้าที่ด้วยการระบุสินค้าผิดประเภท ขณะที่สหประชาชาติก็ระบุว่ายังมีหลายประเทศที่ไม่ปฏิบัติตามการคว่ำบาตรเกาหลีเหนืออย่างจริงจัง เช่น รัสเซีย, จีน และมาเลเซีย
ภาพ: AP