ธนาคารกลางจีนประกาศตรึงอัตราแลกเปลี่ยนกลางไว้ที่ระดับ 6.9683 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ แข็งค่ากว่าที่นักวิเคราะห์คาด ลดกระแสร้อนแรง 'สงครามค่าเงิน' ปัดทำหยวนอ่อน สู้สงครามการค้าสหรัฐ
หลังจากสร้างความตื่นตกใจแก่ตลาดเงินตลาดทุนทั่วโลก เมื่อธนาคารกลางจีน หรือ พีบีโอซี ออกประกาศค่ากลางอัตราแลกเปลี่ยนเงินหยวนเทียบดอลลาร์สหรัฐที่ระดับ 6.9683 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งนับว่าแข็งค่ากว่าระดับ 6.9871 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ตามผลสำรวจจากบลูมเบิร์กที่สอบถามความเห็นจากนักวิเคราะห์และผู้ค้าค่าเงินในตลาดเงิน
หลังจากวันที่ 5 ส.ค.ที่ผ่านมา เงินหยวนอ่อนค่าทะลุ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งเป็นระดับที่อ่อนค่ามากที่สุดในรอบ 11 ปี
คำประกาศตรึงอัตราแลกเปลี่ยนกลางจากธนาคารกลางจีน ยังมาพร้อมกับการประกาศขายพันธบัตรระยะสั้นในรูปสกุลเงินหยวนที่อยู่ในฮ่องกง มูลค่า 3 หมื่นล้านหยวน หรือประมาณ 4,300 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ในสัปดาห์หน้า เพื่อเตรียมการรองรับความผันผวนที่เกิดขึ้นจากการอ่อนค่าของสกุลเงินหยวน และสร้างสภาพคล่องในตลาดการเงินนอกประเทศ
ทั้งนี้ ระบบอัตราแลกเปลี่ยนในจีน เป็นแบบลอยตัวภายใต้การจัดการ (Managed float) ซึ่งภายใต้ระบบนี้ธนาคารกลางจีนจะประกาศอัตราอ้างอิงค่าเงินหยวนรายวัน หรือ CNY fixing ในช่วงเช้าของแต่ละวันก่อนเริ่มมีการซื้อขายเงินหยวน และจะควบคุมไม่ให้ค่าเงินหยวนผันผวนเกินกรอบที่กำหนด (trading band) ซึ่งนับตั้งแต่ปี 2557 trading band อยู่ที่บวก/ลบ ไม่เกินร้อยละ 2
'เจา ฮัว' นักเศรษฐศาสตร์จาก คอมเมิร์ซแบงก์ เอจี ในสิงคโปร์ ระบุว่า นี่เป็นข้อความสำคัญจากธนาคารกลางจีนที่จะปกป้องเงินหยวนจากการอ่อนค่าอย่างรุนแรง และบ่งชี้ว่า จีนไม่ต้องการใช้เงินหยวนเป็นอาวุธหลักในช่วงต้นนี้
ขณะที่ บลูมเบิร์กรายงานว่า การประกาศอัตราแลกเปลี่ยนประจำวันที่อยู่ในระดับแข็งค่ากว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์พร้อมแผนการขายพันธบัตรระยะสั้นสกุลเงินหยวนในฮ่องกง ของธนาคารกลางจีนในครั้งนี้ เกิดขึ้นเพียงไม่กี่ชั่วโมงหลังจากสหรัฐฯ ออกมาตอบโต้ด้วยการตีตราจีนเป็นประเทศที่ใช้อัตราแลกเปลี่ยนบิดเบือนตลาด
โดยหลังจากจีนปล่อยเงินหยวนเทียบดอลลาร์สหรัฐอ่อนค่าทะลุ 7 หยวนต่อดอลลาร์สหรัฐ ภายในวันเดียวกัน 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานาธิบดีสหรัฐ ออกมาทวีตข้อความ กล่าวอ้างว่าจีนเป็นประเทศผู้บิดเบือนค่าเงิน
ทรัมป์ระบุในทวิตเตอร์ว่า "จีนปล่อยให้ค่าเงินตกลงแทบจะต่ำสุดเป็นประวัติกาล แบบนี้มันคือ "การบิดเบือนค่าเงิน" เฟด (ธนาคารกลางสหรัฐ) ฟังอยู่รึเปล่า นี่เป็นการละเมิดครั้งใหญ่ซึ่งจะทำให้จีนอ่อนแอเองเมื่อเวลาผ่านไป" พร้อมกับระบุในเวลาต่อมาว่า จีนมักเข้ามาแทรกแซงค่าเงินเสมอเพื่อแย่งชิงธุรกิจจากสหรัฐฯ ทั้งยังทำร้ายการจ้างงาน ลดค่าจ้างแรงงาน รวมทั้งส่งผลกระทบต่อราคาสินค้าเกษตรของสหรัฐฯ มาเสมอ ซึ่งสิ่งเหล่านี้ "จะต้องหมดไปสักที"
'ฟรานเซส เฉิง' หัวหน้าด้านกลยุทธ์เศรษฐกิจมหภาคเอเชีย ธนาคารเวสท์แพค ในสิงคโปร์กล่าวว่า หลังจากที่ถูกกดดันแปะป้ายเป็นประเทศผู้บิดเบือนค่าเงิน ธนาคารกลางจีนออกมาส่งสัญญาณแก้ปัญหาค่าเงินหยวนอ่อนค่าแทบจะทันที โดยเลือกที่จะขายพันธบัตรเงินหยวนมูลค่ากว่า 4,200 ล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 1.3 แสนล้านบาทในเกาะฮ่องกงในวันที่ 14 สิงหาคมนี้ ซึ่งจะส่งผลให้เงินหยวนกลับมาแข็งค่าในระยะสั้น
ขณะที่ 'ยี่ กัง' ประธานธนาคารกลางจีน กล่าวว่า เงินหยวนจะยังเป็นค่าเงินที่มีความแข็งแรง แม้จะมีความผันผวนในระยะนี้ และจีนจะไม่ใช้ค่าเงินมาเป็นหมากโต้กลับสหรัฐฯ ในประเด็นสงครามการค้า
'คริส ซาคคาเรลลิ' ประธานเจ้าหน้าที่ด้านการลงทุน อินดิเพนเดนท์ แอดไวซอร์ อลิอันซ์ กล่าวว่า ตอนนี้สงครามการค้าเข้มข้นมากขึ้น และมีความเป็นไปได้ที่สงครามค่าเงินกำลังจะเริ่มต้นขึ้นในเวลาเดียวกัน และไม่ได้เป็นผลดีทั้งต่อเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้น
ทั้งนี้ ค่าเงินหยวนอ่อนค่าเกิดขึ้น หลังจากที่ 'โดนัลด์ ทรัมป์' ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ออกมาทวิตข้อความพร้อมขึ้นภาษีนำเข้าสินค้าจากจีนเป็นร้อยละ 10 ในกลุ่มสินค้านำเข้าที่ยังไม่เคยถูกเรียกเก็บภาษีมาก่อน โดยจะมีผลต่อสินค้านำเข้าจากจีนมูลค่า 3 แสนล้านดอลลาร์สหรัฐฯ หรือประมาณ 9.3 ล้านล้านบาท และจะเริ่มมีผลบังคับใช้ในวันที่ 1 กันยายนนี้