ในช่วงปีที่ผ่านมา จีนเดินหน้าเมกะโปรเจ็คยักษ์ใหญ่ โดยถูกมองว่าอาศัยการแผ่อิทธิพลทางเศรษฐกิจ เพิ่มฐานอำนาจทางการเมืองทั้งในประเทศและในการเมืองโลก นอกจากโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ ยังมีอีก 1 โครงการที่ไม่เป็นที่พูดถึงมากนัก แต่น่าจับตาไม่แพ้กัน นั่นก็คือการปรับโฉมกรุงปักกิ่งใหม่ทั้งเมือง
เมกะโปรเจ็คที่ได้รับการจับตามองมากที่สุดในโลกขณะนี้ และถูกมองว่าจะเป็นการเปลี่ยนโฉมเศรษฐกิจโลกไปอย่างสิ้นเชิง ก็คือ One Belt One Road หรือโครงการเส้นทางสายไหมใหม่ ประกอบด้วยทางบก เส้นทางรถไฟและถนนเชื่อมจีนกับยุโรปผ่านทางเอเชียกลาง และเส้นทางสายไหมทางทะเล เชื่อมจีนและยุโรปผ่านอาเซียน ตะวันออกกลาง และแอฟริกา เชื่อกันว่าเมื่อโครงการนี้สำเร็จ เปิดใช้งานจริง จะทำให้จีนกลับมาเป็นศูนย์กลางเศรษฐกิจโลกอย่างแท้จริง
อย่างไรก็ตาม จีนยังเดินหน้าเมกะโปรเจ็คอีกโครงการในประเทศ ซึ่งมีความสำคัญต่อการขยยอิทธิพลทางการเมืองของนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีนคนปัจจุบันอย่างมาก นั่นก็คือการเปลี่ยนโฉมกรุงปักกิ่ง ที่ปัจจุบันมีทั้งปัญหามลภาวะ การจราจรติดขัด และพลเมืองหนาแน่นเกินพิกัด โดยจะมีการพัฒนาคู่ขนานกับอีก 2 เมืองใหญ่ คือนครเทียนจินและมณฑลเหอเป่ย เพื่อสร้างสมดุลของการจัดสรรประชากร และกระจายธุรกิจรวมถึงอุตสาหกรรมให้ไปสู่เมืองอื่นๆนอกเหนือจากปักกิ่ง ตอบสนองต่อความกังวลของประชาชน ทั้งเรื่องคุณภาพชีวิตในปักกิ่งที่เลวร้ายลงอย่างต่อเนื่อง และความไม่เท่าเทียมทางรายได้ระหว่างคนปักกิ่งกับผู้ที่อยู่ในเมืองรองอื่นๆ
โครงการนี้เป็นโครงการระยะยาวเช่นเดียวกับเส้นทางสายไหมใหม่ แต่ขณะนี้ก็เริ่มมีการเปลี่ยนแปลงที่ชัดเจนเกิดขึ้นแล้ว เช่นการย้ายที่ทำการหน่วยงานรัฐเกือบทั้งหมดในปักกิ่ง ไปยังเขตทงโจว ย่านชานเมืองฝั่งตะวันออกของกรุงปักกิ่ง รวมถึงการสร้างสนามบินนานาชาติแห่งใหม่ทางใต้ของปักกิ่ง ซึ่งจะเปิดใช้งานในช่วงปลายปี 2019 แก้ปัญหาเที่ยวบินล่าช้าและความแออัดของสนามบินปักกิ่ง
แต่ความเคลื่อนไหวที่ถูกจับตามองมากที่สุด เกิดขึ้นเมื่อเดือนเมษายนที่ผ่านมา นั่นก็คือการประกาศสร้าง "เมืองใหม่เฉียงอาน" หรือ Xiongan New Area ในมณฑลเหอเป่ย ห่างจากกรุงปักกิ่งประมาณ 150 กิโลเมตร เพื่อรองรับอุตสาหกรรมและธุรกิจจากปักกิ่ง
รัฐบาลจีนยืนยันว่าการสร้างเมืองใหม่นี้เป็นนโยบายสำคัญที่จำเป็นต่อการรับมือการขยายตัวทางเศรษฐกิจในอนาคต แต่กลับถูกตั้งคำถามว่าเหตุใดเมืองใหม่แห่งนี้ต้องไปตั้งอยู่ในเขตชนบทของเหอเป่ย ที่ปัจจุบันยังเป็นเพียงท้องทุ่งข้าวโพด หนองบึง และเมืองขนาดเล็ก อุตสาหกรรมหลักของเมืองก็เป็นอุตสาหกรรมขั้นพื้นฐานอย่างการฟอกย้อมขนสัตว์เท่านั้น และคำตอบหนึ่งที่ไม่มีใครพิสูจน์ได้ว่าเกี่ยวข้องกับโครงการนี้มากน้อยแค่ไหน ก็คือที่นี่เป็นบ้านเกิดของแม่ของนายสี และผู้ที่ได้รับผิดชอบเมกะโปรเจ็คมูลค่ามหาศาลอย่างการสร้างเมืองใหม่ ก็ล้วนเป็นคนสนิทใกล้ชิดของนายสี ไม่ต่างจากโครงการเส้นทางสายไหมใหม่
สำหรับคำถามที่ว่าจะเป็นไปได้หรือไม่ ที่รัฐบาลจีนจะเปลี่ยนหนองบึงและทุ่งข้าวโพดให้กลายเป็นเมืองใหญ่เต็มไปด้วยตึกระฟ้าภายใน 10-20 ปี ตอบได้อย่างชัดเจนว่าเป็นไปได้ และนี่คือสิ่งที่จีนทำมาตลอด แต่สิ่งหนึ่งที่ต้องคำนึงถึงก็คือการเจริญเติบโตของเศรษฐกิจจีนเริ่มชะลอตัวลงกว่าในทศวรรษที่ผ่านมา การลงทุนในโครงการใหญ่เช่นการสร้างเมืองใหม่อย่างเซียงอานจึงจำเป็นต้องใช้ความระมัดระวังมากขึ้น เนื่องจากก่อนหน้านี้ เมกะโปรเจ็คสร้างเมืองใหม่เฉาเฟยเตี้ยน ซึ่งเกิดขึ้นในเหอเป่ยเช่นกัน จบลงที่การเป็นเมืองร้าง ไม่มีผู้สนใจเข้าไปลงทุนและอยู่อาศัย เช่นเดียวกับอีกหลายเมืองใหม่ของจีน ที่ประสบภาวะเมืองร้างเช่นเดียวกัน เนื่องจากระบบสาธารณูปโภคที่ไม่พร้อม การเชื่อมต่อกับเมืองใหญ่ยังไม่สมบูรณ์ ทำให้ประชาชนและภาคธุรกิจขาดแรงจูงใจในการย้ายไปยังเมืองใหม่เหล่านี้