เมื่อเวลา 10.00 น. วันที่ 12 มี.ค. 2566 ที่อาคารวังเป็ดร่วมใจ วัดวังเป็ด อ.บางระกำ จ.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย เปิดปราศรัยใหญ่ ‘พิษณุโลก คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ ท่ามกลางประชาชนร่วมรับฟังการปราศรัยกว่า 1 หมื่นคน ทั้งนี้พื้นที่ อ.บางระกำ เดิมทีเป็น ส.ส.เป็นของพรรคเพื่อไทย คือ นิยม ช่างพินิจ อดีต ส.ส.พิษณุโลก ซึ่งปัจจุบัน นิยมได้ย้ายออกจากพรรคเพื่อไทยไปสังกัดพรรคภูมิใจไทย
โดยแกนนำพรรคที่มาร่วมเวทีปราศรัยนั้น มี นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา พรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ลิณธิภรณ์ วริณวัชรโรจน์ รองเลขาธิการพรรคเพื่อไทยและรักษาการพรรคโฆษกเพื่อไทย จักรพงษ์ แสงมณี นายทะเบียนพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิษณุโลก พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย เขต 1 ณัฐทรัชต์ ชามพูนท เขต 2 นพพล เหลืองทองนารา เขต 3 จเด็ด จันทรา เขต 4 พิมพ์พิชชา ชัยศุภกิจเจริญ และเขต 5 ธนวิน โรจน์สุนทรกิตติ
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าในระหว่างที่คณะของ แพทองธารและแกนนำพรรคเพื่อไทยได้เดินทางมาถึงบริเวณเวทีปราศรัย พิธีกรบนเวทีได้แนะนำชื่อแกนนำพรรคและผู้สมัครต่อหน้าประชาชน ในจังหวะที่พิธีกรกำลังแนะนำตัว ประเสริฐ จันทรรวงทอง ส.ส.นครราชสีมา เลขาธิการพรรคเพื่อไทย นั้น ประเสริฐได้ก้าวเท้าออกมาข้างหน้าเวทีเพื่อยกมือไหว้ประชาชน แต่ได้พลัดตกเวที ทำให้สื่อมวลชนและแกนนำพรรคที่อยู่บนเวทีแสดงสีหน้าตกใจและแสดงความเป็นห่วงโดย ประเสริฐ ยังสามารถเดินมาขึ้นเวทีเพื่อถ่ายภาพกับพรรคเพื่อไทยได้ และต่อมาได้ขอปลีกตัวไปประคบน้ำแข็งที่บริเวณข้อเท้าเพื่อลดอาการบาดเจ็บ
ทั้งนี้ นพ.ชลน่าน ปราศรัยตอนหนึ่งโดยขอให้เลือกพรรคเพื่อไทยพร้อมย้ำว่า พรรคเพื่อไทยจะเสนอชื่อแคนดิเดตนายกฯ 3 คน ถ้าพวกเราได้ 310 เสียงจะได้นายกฯ จากพรรคเพื่อไทยแน่นอน
“ถ้าได้ 310 เสียงถามว่าจะจับมือกับพรรคไหน จับมือพรรคพลังประชารัฐ ถ้าพี่น้องไม่เอา พรรคเพื่อไทยไม่จับมือกับลุงป้อม (พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ) จะไม่จับมือกับพรรคพลังประชารัฐ” นพ.ชลน่าน
นพ.ชลน่าน ปราศรัยตอนหนึ่งว่า ประเสริฐ ไม่ได้ตกเวทีปราศรัยแต่ประเสริฐได้กระโดดลงไปรับ ผู้สมัคร เพื่อให้เป็น ส.ส. ไม่ได้ตกเวที
แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า เมื่อมาถึงพิษณุโลกก็อดกล่าวถึงคุณอา (ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร) ไม่ได้ เพราะครั้งที่ ยิ่งลักษณ์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี เคยคิดไว้ว่าจะพัฒนา ‘บางระกำ โมเดล’ เพื่อแก้ปัญหาเรื่องน้ำท่วม-น้ำแล้งให้พี่น้องประชาชน แต่ถูกรัฐประหารไปก่อน พี่น้องประชาชนจึงถูกพรากโอกาสได้พัฒนาชีวิตไป
แพทองธาร ปราศรัยว่า ในการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง พรรคเพื่อไทยจึงจะนำ ‘บางระกำ โมเดล’ กลับให้พี่น้องชาวพิษณุโลกอีกครั้ง เพื่อคืนชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีให้ประชาชนอีกครั้งโดย อย่างแรกคือ การขยายคลอง เพื่อระบายน้ำจากแม่น้ำน่านลงสู่แม่น้ำยม ไม่ให้น้ำค้างอยู่ในที่นาของประชาชนนานเกินไป อย่างที่สองคือการทำแก้มลิงขนาดใหญ่ เพื่อดักน้ำที่ไหลหลากให้พี่น้อง และอย่างที่สามคือ การปรับปรุงอ่างเก็บน้ำชุมชนให้พี่น้องได้มีใช้ในหน้าแล้ง
นอกจากนี้ พรรคเพื่อไทยพร้อมที่จะพัฒนานโยบายนี้ให้ครอบคลุมถึงการยกสะพานเพื่อให้พี่น้องประชาชนสามารถสัญจรได้อย่างสะดวก ถนนไม่ขวางทางน้ำ เพราะพรรคเพื่อไทยรู้ดีว่าปัญหาน้ำเป็นเรื่องใหญ่ที่กระทบรายได้ของพี่น้องประชาชน
อุปสรรคในของเกษตรกรที่ก่อให้เกินหนี้สินมากมาย หากเพื่อไทยได้เป็นรัฐบาลเราพร้อมช่วยเหลือพี่น้องประชาชนได้ทันที เริ่มจากการพักชำระหนี้เกษตรกร 3 ปี พร้อมกับนโยบาย 3ดี ได้แก่
1. ‘ดินดี น้ำดี’ นำเทคโนโลยีเข้ามาช่วยในการทำการเกษตรเพื่อทำให่น้าและดินเหมาะสมกับการเพาะปลูก
2. ‘เมล็ดพันธุ์ดี’ ช่วยทุ่นแรงในเกษตร ในการหาเมล็ดพันธุ์ที่ดีในการเพาะปลูก
3. ‘ขายได้ราคาดี’ ราคาสินค้าเกษตรต้องขึ้นยกแพง ภายใน 4 ปี พี่น้องชาวเกษตรกรจะเพิ่มขึ้น 3 เท่า
เรื่องการท่องเที่ยว พรรคเพื่อไทยตั้งใจพี่จะพัฒนาให้สนามบินพิษณุโลกกลายเป็นสนามบินนานาชาติ เพิ่มเที่ยวบิน และสร้างอาชีพ สร้างรายได้ให้คนรุ่นใหม่ได้มีทางเลือกได้ทำในสิ่งที่สนใจ
“แม้เมืองพิษณุโลกจะมีสองแคว แต่ขอให้ชาวพิษณุโลกรวมใจกันเป็นหนึ่ง เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค ให้แลนด์สไลด์ทั้งพิษณุโลกไปเลยนะคะ” แพทองธารกล่าว
จากนั้น เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า ขอขอบคุณอีกครั้งกับการต้อนรับที่อบอุ่นวันนี้แม้ตนจะเป็นน้องใหม่ในวงการการเมืองตนที่เต็มเปี่ยมเชื่อมั่นในอำนาจของประชาชนเชื่อมั่นในระบอบการปกครองระบบประชาธิปไตยไม่เอาเผด็จการ ไม่เอารัฐประหาร วันนี้ถึงเวลาแล้ว ที่เราต้องมาพิจารณาว่าในรอบ 8 ปีได้เจอปัญหาอะไรบ้าง ไม่ว่าจะเป็นปัญหารายได้ตกต่ำค่าใช้จ่ายที่สูงขึ้นเหล่านี้เป็นปัญหาที่กินใจพวกเราเหลือเกิน
เศรษฐา ระบุว่า ตอนสุดท้าย แพทองธาร ได้พูดถึงเกษตรกรรมโดยครึ่งหนึ่งของชาวจังหวัดพิษณุโลกเป็นเกษตรกรหนี้สินครึ่งหนึ่งเกิดจาก การเกษตรไม่น่าเชื่ออู่ข้าวอู่น้ำของประเทศพี่น้องเกษตรกรกว่าขึ้นไปต้องเป็นหนี้ใช้หนี้ไม่พอเกิดจาก ไม่ไปขยายตลาดเสรีนวัตกรรมมาเสริมทำงานแทบตาย ต่อไร่ได้เงินสุทธิแค่ 1,000 บาท
พรรคเพื่อไทยจะช่วยเหลือด้วยการนำนวัตกรรมมาเสริม ถ้าได้เป็นรัฐบาลเชื่อว่าจะทำมห้รายได้ของเราจะเพิ่มขึ้น โดยได้เงินต่อไร่จาก 1,000 บาทเป็น 3,000 บาท สิ่งเหล่านี้จะเกิดขึ้นได้ ถ้าพรรคเพื่อไทยเป็นพรรคเดียวไม่ได้บริหารประเทศแบบพรรคเดียว
เศรษฐา ปราศรัยว่า หัวหน้าพรรคเพื่อไทยบอกว่า 250 ส.ว.เป็นขวากหนามสำคัญ อย่างน้อยพรรคเพื่อไทยต้องได้ 310 เสียง 5 เขต จ.พิษณุโลก เราต้องเลือกพรรคเพื่อไทยยกให้หมด ตนไม่อยากกลับมาที่นี่เพื่ออธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ 5 เขต ตนเชื่อว่าเราจะต้องทำได้อย่างแน่นอนเรา ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยไม่มีสาขาเพื่อไทยอย่างเดียวแลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน
ต่อมา จาตุรนต์ ฉายแสง คณะกรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า ราคาข้าวสูงเป็นประวัติการณ์ เมื่อ 8-9 ปีที่ผ่านมาในรัฐบาลยิ่งลักษณ์ชินวัตร โดยนโยบายเกษตรเป็นนโยบายที่สำคัญมากจึงได้มาพูดที่จังหวัดพิษณุโลก ตนจะนำตัวเลขให้ประชาชนดูไปพร้อมกันจังหวัดพิษณุโลกปลูกข้าวนาปรัง 800,000 ตันต่อปี รัฐบาลยิ่งลักษณ์เคยมีแผนการจัดการบริหารจัดการน้ำ 3 แสนล้านบาท
จาตุรนต์ ปราศรัยว่า ที่จังหวัดพิษณุโลก เคยเป็นจังหวัดที่พรรคประชาธิปัตย์ครองแชมป์มานาน แต่เวลานี้พรรคประชาธิปัตย์ไม่ใช่คู่แข่งกับใคร เพราะขุนพลประชาธิปัตย์ไปเป่านกหวีดไปอยู่พรรคโน้นพรรคนี้ ล่าสุดก็ไปอยู่พรรคอื่นอีก ประชาธิปัตย์หาคนสมัครแทบไม่ได้แล้ว พรรคเพื่อไทยบอกแลนด์สไลด์ เขาต้องหาวิธีสกัดแลนด์สไลด์ ก็บอกให้เลือกพรรคเพื่อไทย เป็น ส.ส.บัญชีรายชื่อ แต่ให้เลือก คนของพรรคพลังประชารัฐ
“ทำไมถึงร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐไม่ได้เพราะมาจากการยึดอำนาจ ตั้ง ส.ว. เลือก พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชร เป็นนายกฯ 3 ป.สืบทอดอำนาจ และรวมนักการเมืองชนักติดหลังจำนวนมาก พรรคการเมืองนี้ไม่มีอุดมการณ์ แต่เลือกตั้งก็เสนอนโยบาย 8-10 ข้อ จนถึงวันนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่เคยทำตามนโยบายของพรรคพลังประชารัฐได้แม้แต่ข้อเดียว ไปที่ไหนคนก็ไล่ พล.อ.ประยุทธ์ รวมไทยสร้างชาติพยายามจะให้ได้ ส.ส.ไม่ต่ำกว่า 25 คน ถ้าไม่ถึงจะทำให้ ประยุทธ์ไม่ได้เป็นนายกฯ ไปตรวจราชการไม่ยอมยุบสภา ไปตรวจราชการพรรคเดียวคือไปหาเสียง
จาตุรนต์ ระบุว่า 25 ส.ส.มีความหมายให้ได้เสนอ ชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ โดยมีทีเด็ดคือ ส.ว. 250 คนที่พล.อ.ประยุทธ์ ตั้ง ทั้งนี้ พปชร. รทสช ประวิตรกับประยุทธ์จะจับมือได้ไหม เขาร่วมมือกันรัฐประหาร 2 รอบ มีการนิรโทษกรรม และเสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย มาด้วยกัน ถึงเวลาจำเป็นจะเอา พล.อ.ประยุทธ์ต่อ สืบทอดอำนาจอีกอย่าไปเอา ทั้งนี้พรรคเพื่อไทยต้องการร่วมมือกับประชาชนทั้งประเทศให้เป็นประชาธิปไตย
“เราไม่อาจร่วมมือพรคการเมืองที่สืบอทอดเผด็จการมั้ง รทสช. และ พปชร. ได้ ถ้าเลือกตั้งรอบนี้เราแพ้พรรคเพื่อไทยไม่แลนด์สไลด์ไม่ได้ตังค์รัฐบาลพี่น้องอยู่ต่อกันไปกับประยุทธ์อีกสองปีจะแก้ไขรัฐธรรมนูญให้อยู่ต่ออีก 8 ปี เป็นความทุกข์ระกำลำบากของจริง บอกให้ไปทั่วจังหวัดพิษณุโลก ภาคเหนือตอนล่างส่งเสียงไปทั่วประเทศ เราต้องการเปลี่ยนประเทศ ให้เพื่อไทยเป็นรัฐบาลแก้ปัญหาประเทศและทำให้ประเทศเป็นประชาธิปไตย” จาตุรนต์ ระบุ