เมื่อเวลา 18.00 น. วันที่ 23 มี.ค. 2566 ที่ตลาดน้ำอโยธยา อ.เมือง จ.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ‘พระนครศรีอยุธยา คิดใหญ่ ทำเป็น เพื่อไทยทุกคน’ นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แพองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย
จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์ พรรคเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ ผู้สมัคร ส.ส.พระนครศรีอยุธยา พรรคเพื่อไทย 5 เขต ประกอบด้วย จิรทัศ ไกรเดชา, อัณณพ อารีย์วงศ์สกุล ,สุรเชษฐ์ ชัยโกศล, องอาจ วชิรพงศ์, อาทิตย์ ภาคอินทรีย์ โดยมีประชาชนมารับฟังการปราศรัยแน่นขนัดหน้าเวทีกว่าหมื่นคน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่าระหว่างที่พรรคเพื่อไทยกำลังปราศรัยอยู่บนเวทีนั้นได้มีบะหมี่เกี๊ยวเย่หลิวมาถือป้ายสนับสนุนนโยบายขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทของพรรคเพื่อไทยภายในปี 2570 ด้วย
ทัั้งนี้ นพ.ชลน่าน ปราศรัยตอนหนึ่งว่า รายได้ของจังหวัดพระนครศรีอยุธยา สูงเป็นลำดับ 3 ประเทศ รายได้ต่อคนสูงเป็นลำดับ 6 ของประเทศ โดยมีรายได้อยู่ที่ 490,000 บาทต่อปี หรือเดือนละ 40,000 บาท
แต่ในความเป็นจริงเมื่อได้สอบถามชาวอยุธยาพบว่า ไม่มีใครมีรายได้ถึง 40,000 บาท ปัจจุบันได้ค่าแรงแค่ 300-400 บาท เท่านั้น จึงมีความสงสัยถึงที่มาของตัวเลขดังกล่าว เหตุใดจึงมีรายได้จริงต่ำกว่า 20,000 บาท ดังนั้น ถ้าพรรคเพื่อไทยเข้ามา จะทำให้พี่น้องมีรายได้ขั้นต่ำ 600 บาทต่อวันให้ได้ และครอบครัวไหนมีเงินรายได้ต่อครัวเรือนต่ำกว่า 20,000 บาท เราจะเติมเงินในกระเป๋าสตางค์ดิจิทัล กระตุ้นเศรษฐกิจ
“เราจะกระตุ้นเศรษฐกิจครั้งใหญ่ พาพี่น้องคนไทยออกจากไอซียูให้ได้ เลือกพรรคเพื่อไทย ทั้ง 2 ใบ เลือกทั้งคนทั้งพรรค เพื่อไล่ประยุทธ์ออกไป เอาอนาคตกินดีอยู่ดี รายได้ที่ดี อนาคตลูกหลานได้เรียนหนังสือกลับมา” นพ.ชลน่าน กล่าว
นพ.ชลน่าน ปราศรัยว่า ขอแรงพี่น้อง เอา 3 ป.กลับบ้านไปวันที่ 14 พ.ค.นี้ 08.00-17.00 น. เอา 3 ป.กลับบ้าน จับปากกาเลือกพรรคเพื่อไทยทั้งคนทั้งพรรค 5 เขต
ต่อมา เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย และที่ปรึกษาคณะกรรมการด้านเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า จ.พระนครศรีอยุธยา มีโบราณสถานมากมาย มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แสดงว่าการท่องเที่ยวน่าจะดี แต่เพราะผู้นำที่ไร้สมรรถภาพ ทำให้การท่องเที่ยวตกต่ำ รายได้หดหาย ซ้ำรัฐบาลยังไม่สามารถบริหารจัดการปัญหาของประเทศชาติได้ อยุธยาไม่สิ้นคนดีฉันใด เพื่อไทยก็ไม่สิ้นนโยบายดีๆ ฉันนั้น นับตั้งแต่ไทยรักไทย จนมาถึงเพื่อไทย เราใช้นโยบายนำพาความเจริญมาให้พี่น้องประชาชนโดยตลอด
ครั้งนี้พรรคเพื่อไทยมีนโยบายที่ดี มาเสนอ 3 นโยบาย ได้แก่ นโยบายเติมเงิน 20,000 บาทต่อครัวเรือน นโยบายเติมเงินเข้ากระเป๋าเงินดิจิทัลให้คนไทยอายุ 16 ปีขึ้นไป ใช้จ่ายในพื้นที่ท้องถิ่น ช่วยกระตุ้นเศรษฐกิจระยะโคม่าให้ฟื้นคืนชีวิต ปั๊มหัวใจคนไทยให้มีศักดิ์ศรีและกินดีอยู่ดีอีกครั้ง เพิ่มรายได้เกษตรกร 3 เท่าในเวลา 4 ปี และ ยังมีทางออกสำหรับ PM 2.5 ที่ส่วนหนึ่งมาจากการเผา
“คนอยุธยาส่วนใหญ่เป็นเกษตรกร มีอาชีพหลักทำนา ผมมาอยุธยาเป็นที่แรกหลังเข้ามาสู่เวทีการเมือง ได้มาฟังปัญหาการทำนา นำไปปรึกษาหารือทีมเศรษฐกิจ ปัญหาข้อหนึ่งพบว่า มีเรื่อง PM2.5 ที่เป็นปัญหาใหญ่ทั่วประเทศ มีคนว่าเพราะอยุธยาทำนาเสร็จก็เผา ทำให้เกิด PM2.5 พรรคเพื่อไทยจะช่วยพี่น้องด้วยการใช้นวัตกรรมทำให้ไม่ต้องเผา แต่จะใช้จุลินทรีย์ทำลายซากข้าวแทน ถ้าอยากได้นโยบายดีๆ 14 พ.ค. นี้ โปรดเลือกพรรคเพื่อไทยทั้ง 5 เขต ให้แลนด์สไลด์ทั้งอยุธยา” เศรษฐากล่าว
จากนั้น แพทองธาร ชินวัตร ประธานที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรม พรรคเพื่อไทย และหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า จ.พระนครศรีอยุธยา เป็นเมืองที่อุดมสมบูรณ์ พี่น้องประชาชนประกอบอาชีพเกษตรกรมายาวนาน แต่กลับเป็นหนี้เป็นสินมากมาย พรรคเพื่อไทยจึงขอนำเสนอนโยบายที่จะแก้ไขชีวิตความเป็นอยู่ให้ประชาชนมีชีวิตที่ดีขึ้น
ทั้งการนำเทคโนโลยีการเกษตรเข้ามาช่วยแบ่งเบาภาระของพี่น้องเกษตรกรให้เหนื่อยน้อยลง แต่มีรายได้มากขึ้น เพราะ 8 ปีที่ผ่านมา พี่น้องประชาชนเหนื่อยมาพอแล้ว พรรคเพื่อไทยจึงนำเสนอนโยบายดีๆ มากมาย อย่าง ‘ขึ้นค่าแรง 600 บาท’ ที่เพื่อไทยจะทำให้ได้ก่อนปี 2570 และทำได้แน่นอน รวมถึงขออาสาให้พรรคเพื่อไทยเป็น เซลล์แมน นำสินค้าเกษตรไปขายในตลาดทั่วโลกให้พี่น้องประชาชน
“พอกันทีกับปัญหาความยากจน คำกล่าวอยุธยาไม่สิ้นคนดี แต่วันนี้เราไม่ต้องการหน้ากากคนดี เราต้องการคนเก่งเข้ามาบริหารประเทศ คืนชีวิตที่กินดีอยู่ดีให้พี่น้องประชาชน เรื่องปากท้องของพี่น้องประชาชนเป็นสิ่งที่พรรคเพื่อไทยจะทำทันทีหลังมีโอกาสจัดตั้งรัฐบาล ขอโอกาสชาวอยุธยาเลือกพรรคเพื่อไทย ทั้งคน ทั้งพรรค ให้แลนสไลด์ทั้งจังหวัด” แพทองธาร กล่าว
จาตุรนต์ ฉายแสง กรรมการยุทธศาสตร์และทิศทางการเมือง พรรคเพื่อไทย ปราศรัยว่า การเลือกตั้งครั้งนี้ ยังวงเวียนอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม หลังมีภาพเผยแพร่โดยทั่วไปว่าพรรคการเมืองสองพรรคกินข้าวกัน มีคนไปถามรัฐมนตรีคนหนึ่งยอมรับว่า หากพรรครวมไทยสร้างชาติไม่ร่วมกับพรรคพลังประชารัฐ แล้วจะไปร่วมกับใคร
แสดงให้เห็นว่าพวกเขาจะตั้งรัฐบาลโดยเอา พล.อ.ประยุทธ์ มาเป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง เหลือแต่พี่น้องประชาชนที่ยืนอยู่กับฝ่ายประชาธิปไตย และเลือกพรรคการเมืองที่ทำนโยบายได้จริงอย่างพรรคเพื่อไทย จะร่วมแสดงพลังให้เห็นอีกครั้งว่า รัฐบาลที่ทำความเสียหายให้ประเทศจะกลับมาบริหารประเทศอีกไม่ได้แล้ว รัฐบาลหน้าต้องเป็นรัฐบาลประชาธิปไตยเท่านั้น ซึ่งคือพรรคเพื่อไทย
ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทยปราศรัยว่า ตนมาพูดเรื่องอนาคตของบ้านเมือง โดย 14 ก.พ. ที่ผ่านมาเป็น วันวาเลนไทน์ ส่วน 14 พ.ค. คือวันแลนด์สไลด์ ตนมา จ.พระนครศรีอยุธยา ถ้าชายคนนั้นอยู่จะยืนในฐานะแม่ทัพ คุณงามความดีของวิทยาจะยังอยู่ ทราบว่าแม่เล็กก็มาด้วยขอให้ปรบมือให้กำลังใจมารดาของวิทยา และเอากระเป๋าเงินดิจิทัลของพรรคเพื่อไทยไปใช้ด้วย
ณัฐวุฒิ ระบุว่า แม้แต่หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทยอุ้มครรภ์ 8 เดือนเต็ม ยังไปทุกเวทีที่ไปได้ ส่วนทีมเศรษฐกิจในกรุงเทพ ขยันคิดทำงานสร้างนโยบายเพื่อพลิกชีวิตพี่น้องให้ฟื้นจากความยากลำบาก พรรคอื่นจะประกาศนโยบายมากี่นโยบาย ตนไม่เคยเชื่อถือ เพราะไม่เคยทำสำเร็จเป็นรูปธรรม
ยกตัวอย่างพรรคพลังประชารัฐเคยประกาศค่าแรงขั้นต่ำ 425 บาทเมื่อปี 2562 จนถึงตอนนี้ก็ยังทำไม่สำเร็จ แต่เมื่อพรรคเพื่อไทยประกาศค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570 พี่น้องประชาชนเชื่อมั่นทันทีว่าเราทำได้ แม้แต่ร้านบะหมี่ในจังหวัดพระนครศรีอยุธยายังขึ้นป้ายทันทีว่าพร้อมจ่ายค่าแรงขั้นต่ำ 600 บาทภายในปี 2570 ทันที
“นี่คือตัวอย่างความเชื่อมั่นในนโยบายพรรคเพื่อไทย เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะพลิกฟื้นเศรษฐกิจ ความอยู่ดีกินดี ราคาพืชผลการเกษตรราคาข้าวจะเพิ่มขึ้น เงินในกระเป๋าดิจิทัลพี่น้องจะกลับมา กาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ ตัดสินใจให้ชัด เลือกเพื่อไทยเท่านั้น เลือกคนอื่นเท่ากับได้ประยุทธ์แน่นอน”ณัฐวุฒิกล่าว
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ระหว่างที่ พรรคเพื่อไทยเริ่มจัดกิจกรรมปราศรัยบนเวที ทาง ตะวัน- ทานตะวัน ตัวตุลานนท์ และ แบม อรวรรณ ภู่พงษ์ นักกิจกรรมเคลื่อนไหวทางการเมืองได้นำกลุ่มเพื่อนๆ มาทำผลโพลสำรวจความคิดเห็นที่หน้าเวทีปราศรัยของพรรคเพื่อไทยในประเด็นเรื่องปากท้องและเสรีภาพสามารถไปด้วยกันได้หรือไม่รวมถึงข้อเสนอในการยกเลิกมาตรา 112 โดยทันทีที่ แพทองธาร ได้ขึ้นเวทีปราศรัยทักทายพี่น้องประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยนั้น ทางแบมและตะวันได้ยื่นสติ๊กเกอร์ให้กับ แพทองธาร เพื่อให้แสดงความคิดเห็นเกี่ยวกับประเด็นที่จะทำโพลในสองประเด็นดังกล่าว
โดย แพทองธาร ได้กล่าวกับแบมและตะวันว่า “ขอบคุณน้องๆ มากนะคะ ตอนนี้พี่ขออนุญาตทำหน้าที่ปราศรัยก่อน พูดในสิ่งที่พรรคเพื่อไทยได้มา ก่อนนะคะ เดี๋ยวน้องๆ จะได้คุยกันตอนที่พรรคเพื่อไทยได้ปราศรัยจบ”
ซึ่งภายหลังพรรคเพื่อไทยได้ปราศรัยเสร็จสิ้น ทางแบมและตะวันได้เข้ามายื่นผลการสำรวจความคิดเห็นให้กับพรรคเพื่อไทย โดยณัฐวุฒิ ระบุกับแบมและตะวัน เพียงว่า ทางเราได้รับทราบการแสดงความคิดเห็นของแบมและตะวันแล้ว พร้อมทั้งขอบคุณแบมและตะวัน
ขณะที่ แบม อวรรณ ระบุว่า ตนและตะวันได้มาขอให้พรรคเพื่อไทยแสดงความเห็นเกี่ยวกับเรื่องปากท้องและเสรีภาพไปด้วยกันได้ โดยพรรคเพื่อไทยตอบว่าไปด้วยกันได้ ส่วนมาตรา 112 พรรคเพื่อไทยไม่ได้มีการแสดงความเห็น แต่อย่างใด
ต่อมา ณัฐวุฒิ ให้สัมภาษณ์ว่า เรื่อง ปากท้องและเสรีภาพสามารถไปด้วยกันได้อยู่แล้ว เราก็รับทราบและรับรู้การต่อสู้ของน้องทั้งสองคน ส่วนกรณีหากแบมและตะวันมาทำโพลในเวทีของพรรคเพื่อไทยอีกนั้น ตนก็ยืนยันว่ายังเคารพในเสรีภาพการแสดงออกทุกคน แต่อยากคนมาฟังการปราศรัยได้รับความสะดวกจากทุกกิจกรรมเท่านั้น เพราะบางคนมาต่างอำเภอก็อยากได้มีส่วนร่วมกับกิจกรรม แต่น้องๆคนไหนหรือ กลุ่มไหนที่จะมาก็เคารพเสรีภาพในการแสดงออก ยืนยันไม่ได้มีการสกัดกั้นหรือกดดันแต่อย่างใด