17.30 น. วันที่ 11 มี.ค. 2566 ที่วิทยาลัยเทคนิคพิจิตร อ.เมือง จ.พิจิตร พรรคเพื่อไทยเปิดเวทีปราศรัยใหญ่ ‘พิจิตร คิดใหญ่ทำเป็นเพื่อไทยทุกคน’ ท่ามกลาง ประชาชนที่มารับฟังการปราศรัยกว่า 10,000 คน โดยมีแกนนำพรรคเพื่อไทย อาทิ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร หัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย เสริมศักดิ์ พงษ์พานิช รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย พร้อมด้วยว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร พรรคเพื่อไทย ประกอบด้วย เขต 1 นายปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร เขต 2 ภูดิท อินสุวรรณ์ อดีต ส.ส.พิจิตร พรรคพลังประชารัฐ เขต 3 วิชัย ด่านวิจิตร ร่วมขึ้นเวที
โดย แพทองธาร ปราศรัยตอนหนึ่งว่า เรามองเห็นภาพชาวพิจิตรมีศักยภาพสามารถแก้ปัญหา โดยพรรคเพื่อไทยจะหนี้เกษตรกร3 ปี เพื่อให้มีรายได้เพิ่มขึ้น 3 เท่าใน 4 ปี เอาสามดี เข้ามาช่วยเพื่อให้ดินดีน้ำดีเพื่อเกษตรกรลดต้นทุนลง
สองเมล็ดพันธุ์ดี เพื่อที่จะให้ลดปัญหาลดภาระระหว่างการเพาะปลูก และสุดท้ายราคาสินค้าเกษตรดียกแผงค่าข้าวต้องกลับมาราคาดีเหมือนเดิม ส่วนราคาปุ๋ยก็ต้องถูกลง เพราะราคาปุ๋ยทุกวันนี้แพงมาก ทำให้พี่น้องได้กำไรน้อยนิด และบางทีก็ไม่ได้กำไร แถมพรรคเพื่อไทยยังมีนโยบายที่จะใช้บล็อกเชนโดยใช้นวัตกรรมเทคโนโลยีเข้ามาช่วยให้พี่น้องไม่ต้องจ่ายเงิน
“พรรคเพื่อไทยจะใช้เทคโนโลยีมาแบ่งเขตให้พี่น้องมีที่ดินที่ทำกิน ใครไม่มีที่ดินจะทำให้ และแก้กฎหมายให้มีที่ดินทำกิน พรรคเพื่อไทยเล็งเห็นปัญหา และขอฝากผู้สมัคร ส.ส.พิจิตร ทั้ง 3 เขตให้แลนด์สไลด์ด้วย”
ในช่วงท้าย แพทองธาร ระบุว่า “วันนี้พิเศษที่สุดที่ จ.พิจิตร ขอแนะนำ คุณเศรษฐา ที่อยู่ในทีมเศรษฐกิจมั่นใจจะดีขึ้นแน่ค่ะ”
จากนั้น เศรษฐา ทวีสิน ประธานที่ปรึกษาหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยบนเวทีพรรคเพื่อไทยเป็นครั้งแรกว่า ตนมาพบประชาชนในครั้งนี้รู้สึกเป็นเกียรติ และได้รับการตอบรับที่ดี เป็นความซึ้งใจเป็นอย่างมาก วันนี้ตนมีหัวใจที่รักประชาชนเป็นที่ตั้ง ไม่เอาเผด็จการยึดมั่นในระบอบประชาธิปไตย ตนคิดว่าถึงเวลาแล้วที่ตนในฐานะนักธุรกิจที่สั่งสมประสบการณ์มา 30 กว่าปี ที่ก้าวออกมาจากวงการธุรกิจแล้วมาทำงานเพื่อบ้านเมือง
เศรษฐา ปราศรัยว่า 8 ปีที่ผ่านมาเป็นระยะเวลาที่ยาวนานมาก ประชาชนมีรายได้ลดลง แต่รายจ่ายสูงขึ้น ปัญหายาเสพติดมีทุกๆเรื่อง ลูกหลานไม่เห็นอนาคตประเทศ คนที่มีความสามารถออกย้ายถิ่นฐานออกไป บุตรหลานไม่อยากมีลูกเพราะไม่เห็นอนาคตที่สดใส คนแก่คนเฒ่าที่เกษียณไปมีเงินเก็บไม่พอที่จะเลี้ยงดูตัวเองอย่างมีความสุขอย่างมีศักดิ์ศรีในสังคม
“ประเทศไทยเคยเป็นเสือตัวที่ 5 ของเอเชียลองดูวันนี้เราจะถอยไปขนาดไหน ไม่ว่าจะเป็นมาเลเซีย อินโดนีเซีย เวียดนาม ประเทศเหล่านี้พัฒนาไปไกลเกินกว่าเรา อัตราเจริญเติบโตทางเศรษฐกิจหรือจีดีพีเติบโตไปมากกว่าใครและทำให้ประเทศไทยไม่มีที่ยืนในเวทีโลก ผู้นำไม่เคยออกไปขายสินค้า เป็นความคับแค้นใจของพวกเรา”
เศรษฐาระบุว่า 8 ปีที่ผ่านมามันเพียงพอหรือยัง และตนคิดว่าพอแล้วอีกไม่กี่เดือนหน้าจะเป็นวันที่ 7 พ.ค. หรือ 14 พ.ค.จะมีวันสำคัญยิ่งคือวันเลือกตั้ง ถ้าเราไม่พอใจกับสิ่งที่เราเป็นอยู่มา 8 ปี ผมว่าเราถึงเวลาที่จะเดินเข้าคูหาไปกาเพื่อไทยทั้ง 2 เบอร์ทั้งคนทั้งพรรคต้องกาทั้งคนทั้งพรรค ไม่มีการฝากไปให้คนอื่น ไม่เช่นนั้นเราจะไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบายต่างๆ ที่พรรคเพื่อไทยคิดมา ที่เราเห็นว่าเป็นเรื่องที่เหมาะสมถ้าเราไม่สามารถขับเคลื่อนนโยบาย ได้พี่น้องก็จะไม่ได้ในสิ่งที่เราสัญญาไว้
“ผมที่อยากกลับมาอยู่ ไม่อยากกลับมาอธิบายว่าทำไมถึงทำไม่ได้ ผมอยากกลับมาเพราะนโยบายของใหม่ๆ ที่อยากให้มีชีวิตที่ดีขึ้นมีรายได้ที่สูงขึ้น” เศรษฐา ระบุ
เศรษฐา ปราศรัยว่า ตั้งแต่พรรคไทยรักไทย พรรคพลังประชาชนใช้นโยบายนำความเจริญรุ่งเรืองให้ประชาชนไทย วันนี้พรรคเพื่อไทยภายใต้สโลแกนคิดใหญ่ทำเป็น เคยทำและหวังว่าจะได้ทำมา จึงขอเสียงพี่น้องประชาชนให้เรามุไปสู่จุดมุ่งหมายแลนด์สไลด์ทั้งหมด
“ผมอยากเห็นประเทศชาติมีอนาคตมีแสงสว่างที่ดีนำพาลูกหลานเราไปสู่อนาคตที่สดใสวันนี้ ผมขอเป็นครั้งแรกที่มาปราศรัยที่นี่ชาวพิจิตรทุกท่าน” เศรษฐา กล่าว
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน และหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวว่า ในการประชุมใหญ่สามัญประจำปี 2566 ของพรรคเพื่อไทย ที่ได้ประกาศต่อที่ประชุมไว้ว่า ชูธง ปักชัย แลนด์สไลด์ทั้งแผ่นดิน 310 เสียงขึ้นไป ขอให้พี่น้องประชาชนเข้าไปกาในคูหาให้เกิดขึ้นมาจริงๆ หากเพื่อไทยไม่ได้ 310 เสียง ชาวพิจิตรจะต้องอยู่กับ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ไปอีก 4 ปี เอาหรือไม่ ก่อนหน้านี้ไม่กล้าประกาศ ขอเพียงได้ 250 เสียง เพื่อเอาชนะ ส.ว. 250 คนเท่านััน แต่จากการรณรงค์พบปะพี่น้องประชาชนและการสำรวจของหลายสำนัก เพื่อไทยอาจได้ถึง 270 เสียงขึ้นไป อยากขอให้พี่น้องช่วยกันขยับเป้าหมายไปที่ 310 เสียง เพื่อปิดกั้นการกลับมาของ พล.อ.ประยุทธ์ให้สิ้นซาก ช่วยกันจัดตั้งรัฐบาลของชาวพิจิตรและชาวไทยทุกคน
พรรคเพื่อไทยมีความมั่นใจและภูมิใจกับผู้ประสงค์สมัครรับเลือกตั้ง ส.ส.ทั้ง 3 เขตของพิจิตร ว่าเป็นคนที่อยู่กับพี่น้องประชาชน ทำงานกับพี่น้อง โดยเขตเลือกตั้งที่ 1 คือรองนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัด ปุณยวัจน์ เหลืองวิจิตร เขตเลือกตั้งที่ 2 อดีต ส.ส.ภูดิศ อินทร์สุวรรณ และเขตเลือกตั้งที่ 3 อดีต ส.จ. วิชัย ด่านรุ่งโรจน์ ทั้ง 3 คนคือโอกาสและความหวังของพี่น้องชาวพิจิตรยกจังหวัด เชื่อว่าการเลือกตั้งจะไม่เกิน 14 พฤษภาคม นี้ ขอให้กา ส.ส. พรรคเพื่อไทยทั้ง 3 เขต และกาบัญชีรายชื่อเพื่อไทย โดยจำสัญลักษณ์ให้ดี เจอสัญลักษณ์นี้กาทันที
“พรรคเพื่อไทยมีความจำเป็นต้องจับมือกับพี่น้องประชาชน ยืนยันว่าเราไม่ยอมจับมือกับพล.อ.ประวิตร เพื่อไทยพรรคเดียว ขอให้พี่น้องมั่นใจกับคนที่มาเป็นนายกรัฐมนตรีในนามพรรคเพื่อไทย ถ้าไม่ได้ 310 เสียง เราจะไม่มีอำนาจ ถ้าทำได้จะได้นายกรัฐมนตรีจากพรรคเพื่อไทย” นพ.ชลน่านกล่าว
ด้าน ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ผู้อำนวยการครอบครัวเพื่อไทย ปราศรัยว่า วันนี้พรรคเพื่อไทยมาเป็นทีม มีหัวหน้าพรรค หัวหน้าครอบครัว ทีมเศรษฐกิจ มีนักการเมืองคุณภาพ ขณะที่ฝ่ายตรงข้าม ไม่มีใคร มีแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา กับเฝือกหนึ่งอันที่แขนขวา พล.อ.ประยุทธ์เป็นทั้งแคนดิเดต หัวหน้าทีมเศรษฐกิจ หัวหน้าฝ่ายความมั่นคง ว่าที่นายกรัฐมนตรี เพื่อไทยมาเป็นแผง เราวางคนให้ตรงงาน เอาความรู้ความสามารถให้ตรงกับการแก้ปัญหา เป็นการรวมตัวกันของคนคุณภาพทางการเมือง กลไกราชการ ภาคธุรกิจและเอกชน
“ไม่มีพรรคการเมืองไหนพร้อมเท่านี้ ไม่มีทีมไหนพร้อมเท่าเพื่อไทยอีกแล้ว เหลือเพียงคนไทยพร้อมหรือยัง คนพิจิตรพร้อมหรือยังที่จะเลือกพรรคเพื่อไทยให้แลนด์สไลด์ เดินหน้านโยบายที่ประกาศไว้ และวันที่ 17 มี.ค. นี้ อย่าไปไหน ขอให้ติดตามข่าวดี พรรคเพื่อไทยจะเปิดเวทีใหญ่ ประกาศนโยบายสำคัญชุดใหญ่ นโยบายที่ประชาชนจะไชโย แล้วพลเอกประยุทธ์จะอกแตกตาย นโยบายที่ประชาชนจะได้ลืมตาอ้าปาก และส่งพลเอกประยุทธ์กลับบ้าน ส่วนแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี พรรคเพื่อไทยจะส่ง 3 คน บนเวทีนี้มีอย่างน้อย 2 คน” ณัฐวุฒิกล่าว
ณัฐวุฒิ กล่าวว่า รัฐบาลปัจจุบันพยายามรักษาอำนาจ พยายามอยู่ต่อ ถึงกับบอกว่าถ้าเพื่อไทยแลนด์สไลด์ ก็ยังมี ส.ว. 250 คนที่คอยจะยกมือให้ พล.อ.ประยุทธ์ไปต่อ ตนนั้นไม่เชื่อในอำนาจที่มาจากการแต่งตั้ง ไม่ยอมรับและให้เกียรติรัฐประหาร ตนเชื่อมั่นและเคารพในอำนาจที่มาจากประชาชนเท่านั้น ดังนั้น ถ้า พล.อ.ประยุทธ์ตั้ง ส.ว. 250 คน คนไทยจะเลือกเพื่อไทย 310 เสียงชนะกันให้เด็ดขาด มีคนบอกว่าพรรคเพื่อไทยจะไปยกมือให้พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ไม่ต้องกลัว ถ้าพรรคเพื่อไทยเกินครึ่ง เราตั้งรัฐบาล แก้ปัญหาให้ประชาชน
“ในยุคปัจจุบัน การเลือกตั้งที่จะมาถึง ปรากฎพรรคการเมืองรูปงาม ไม่ได้ชื่อไกรทอง แต่ชื่อเพื่อไทย ขออาสาจัดการ ‘ไอ้สาละวัน’ ชาละวันมีเขี้ยวเพชรคงกะพัน ไอ้สาละวันมี ส.ว. 250 คน ไกรทองปราบชาละวันด้วยหอกสัตตโลหะ พรรคเพื่อไทยจะปราบไอ้สาละวันด้วยปากกาประชาชน ไกรทองฆ่าชาละวันโดยเอาหอกทิ่มก้านคอ พรรคเพื่อไทยจะฆ่าสาละวันโดยประชาชนทิ่มปากกาในบัตรเลือกตั้งแล้วกาเพื่อไทยทั้ง 2 ใบ สู้ครั้งนี้ไม่ได้เพื่อช่วยนางตะเภาทอง แต่เพื่อช่วยตัวเอง ช่วยลูกหลานเรา บ้านเมืองเรา เพราะถ้าชีวิตดีคงดีตั้งแต่ 8 ปีไปแล้ว แต่นี่จะพาไปต่อ แต่ไม่รู้พาไปไหน ไม่รู้ว่านโยบายคืออะไร”
ณัฐวุฒิ กล่าวถึง กรณีมีผู้ยื่นยุบพรรคเพื่อไทย ว่า อย่าไปกังวล พรรคเพื่อไทย ไม่ได้ทำอะไรผิด บางคนบอกณัฐวุฒิไม่มีสิทธิขึ้นเวทีปราศรัย ขอประกาศให้ทราบว่าตนไม่ได้ถูกตัดสิทธิทางการเมือง แค่ถูกขังคุก ทำให้ไม่สามารถสมัคร ส.ส.ได้ แต่ยังมีสิทธิเลือกตั้ง มีสิทธิกาให้พรรคเพื่อไทยได้ และขึ้นเวทีปราศรัยในฐานะผู้ช่วยหาเสียงซึ่งหัวหน้าพรรคเพื่อไทยเป็นคนแต่งตั้งมา