สมพงษ์ อมรวิวัฒน์ ผู้นำฝ่ายค้านและหัวหน้าพรรคเพื่อไทย กล่าวแสดงความเสียใจและผิดหวังกับเกมในสภา ที่มีการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญ ซึ่งฝ่ายค้านจะดำเนินการผลักดันร่าง พ.ร.บ.ประชามติ ที่จะมีการพิจารณาวาระ 2-3 วันนี้ ให้ผ่านลุล่วง เพื่อให้การเสนอญัตติร่างแก้รัฐธรรมนูญสามารถเดินหน้าได้อีกครั้ง ในสมัยประชุมหน้า
พร้อมยืนยันเห็นด้วยการเดินหน้าโหวตวาระ 3 ซึ่งเป็นสิ่งที่ถูกต้อง เพราะหากดำเนินการตามญัตติ จุรินทร์ ลักษณวิศิษฎ์ ที่เสนอส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญตีความใหม่ ก็ไม่มั่นใจว่าศาลจะรับหรือตีความที่ชัดเจนกว่านี้หรือไม่ และแนวทางการให้ชะลอ เพื่อทำประชามติก่อน ซึ่งก็จะใช้เวลานาน และอาจไม่ทันต่อการเสนอญัตติแก้ไขรัฐธรรมนูญในสมัยประชุมหน้า
ทั้งนี้ เรียกร้องให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ วิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี แสดงความรับผิดชอบ เพราะทั้ง 2 คนได้แถลงต่อรัฐสภา และการแก้รัฐธรรมนูญก็เป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล ดังนั้นทั้ง 2 คน จะรับผิดชอบอย่างไรกับการคว่ำร่างรัฐธรรมนูญโดยเชื่อว่าเป็นใบสั่ง อย่างไรก็ตามการที่ฝ่ายค้านเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยังคงต้องอาศัยความร่วมมือจากพรรคร่วมรัฐบาลและ ส.ว. ส่วนการเสนอญัตติแก้ไขเพิ่มเติมรัฐธรรมนูญของพรรคฝ่ายค้าน จะมีการหารือกันในสัปดาห์หน้า
วิโรจน์ ก้าวไกล ถาม พรรคภูมิใจไทยเคยทำอะไรที่สัญญาไว้กับประชาชนบ้าง
วิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกล ได้ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี ที่พรรคภูมิใจไทยวอล์คเอ๊าท์การลงมติร่างการแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 3 ว่า "จริงๆไม่ได้อยากให้ความเห็น ในกรณีนี้เนื่องจากเป็นเรื่องที่ประชาชนจะต้องประเมินการกระทำในวันนี้ของพรรคภูมิใจไทยเทียบกับคำมั่นสัญญาที่พรรคการเมืองพรรคนี้เคยให้ไว้กับประชาชนเอง พร้อมกับต้องเอาการขอโทษและการผิดสัญญา ที่ผ่านๆ มานี้มาประเมินร่วมด้วย"
แต่เนื่องจากมีการพาดพิงถึงการตัดสินใจที่เคารพคำมั่นสัญญาที่ให้ไว้กับประชาชนของพรรคก้าวไกล จึงมีความจำเป็นต้องออกความเห็นเพื่อให้ประชาชนเป็นผู้ตัดสินใจว่า
"พรรคไหนเป็นพรรคที่ยึดมั่นกับคำมั่นที่ได้ลั่นวาจาเอาไว้กับประชาชน และควรจะเป็นที่ฝากความหวังของประชาชนต่อไปได้"
ต้องถามพรรคภูมิใจไทยว่าที่ผ่านมาพรรคภูมิใจไทยได้ตระบัดสัตย์ผิดคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนมากี่ครั้งแล้ว ตั้งแต่กรณีที่ตัดสินใจร่วมรัฐบาล เพื่อให้เผด็จการ คสช. ได้สืบทอดอำนาจ แม้ได้เคยให้คำมั่นเอาไว้ว่า " จะไม่ยอมให้ ส.ว. 250 คน ที่ไม่ได้มาจากประชาชน มาเลือกนายกฯ" ซึ่งประชาชนที่ได้ยินคำพูดนี้ ต่างก็เข้าใจว่า นี่คือคำมั่นที่ให้ไว้กับประชาชนว่าพรรคภูมิใจไทยจะไม่ยอมเป็นนั่งร้านให้เผด็จการได้สืบทอดอำนาจ แต่สุดท้ายก็ผิดคำพูด แล้วก็ชักแม่น้ำทั้งห้า มาเป็นข้ออ้าง ว่าประชาชนที่เข้าใจอย่างนั้น เป็นการตีความผิดกันไปเอง
อีกครั้งหนึ่งที่พรรคภูมิใจไทยเคยออกมาขอโทษประชาชนในการลงมติรับร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญในวาระที่ 1 จนประชาชนต้องเสียเวลา ไปกับการตั้งคณะกรรมการร่วมระหว่าง ส.ส. และ ส.ว. ซึ่งสุดท้ายแล้วต่างก็รู้ดีว่า ส.ว. ที่มาจากการแต่งตั้งของเผด็จการ อย่างไรก็จะไม่ยอมให้มีการแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชนคนไทยแน่ จนในวาระที่ 3 ก็ยังจะมาวอล์คเอาท์อีก
ข้ออ้างในการวอล์คเอาท์ของพรรคภูมิใจไทย ที่อ้างว่าเห็นด้วยกับแนวทางของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ให้ชะลอการลงมติออกไปก่อน แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ฟังไม่ขึ้นเพราะ ส.ส. ของพรรคประชาธิปัตย์หลายท่าน โดยเฉพาะนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์หัวหน้าพรรค ผู้ยื่นญัตติให้ชะลอ แล้วส่งศาลรัฐธรรมนูญ ก็ยังอยู่ลงมติ โดยนายจุรินทร์ได้ลงมติ "เห็นชอบ" ในวาระที่ 3 ด้วยเหตุผลที่พรรคภูมิใจไทยอ้างว่าการลงมติในวาระที่ 3 ของพรรคร่วมฝ่ายค้านและเป็นจุดยืนของพรรคก้าวไกลนั้นเป็นการกระโดดลงเหวฆ่าตัวตาย เพราะการลงมติในวาระที่ 3 ต้องพึ่งเสียง ส.ว. อย่างน้อย 84 เสียง
ดังนั้นเรื่องที่ ส.ว. จับเอาร่างรัฐธรรมนูญเป็นตัวประกัน และขัดขวางการคืนอำนาจสถาปนารัฐธรรมนูญให้กับประชาชนผู้เป็นเจ้าของอธิปไตยที่แท้จริง มีหรือที่พรรคการเมืองที่มีประสบการณ์มาอย่างยาวนานอย่างพรรคภูมิใจไทย จะเดาสถานการณ์ไม่ออกแล้วต่อซื่อ และเดาในตอนแรกไม่ออกจริงๆ จากเหตุการณ์ในการลงมติในวาระที่ 2 ที่ ส.ว. ดื้อ ขอแก้ไขเพิ่มเติม ให้ร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ มีผลกับอีก 38 มาตรา ทั้งๆ ที่ร่างนั้น ได้ผ่านชั้นกรรมาธิการมาแล้ว ก็ควรจะตาสว่างรู้ตัวได้แล้วว่า พฤติกรรมของ ส.ว. ชุดนี้นั้นเป็นอย่างไรกับพฤติกรรมของ ส.ว. อันที่จริงแล้ว ประชาชนส่วนใหญ่ต่างก็รู้ในใจดีว่า ส.ว. ชุดนี้ คือตัวฉุดรั้งการเปลี่ยนแปลง และการพัฒนาของประเทศ และเป็นกลไกสำคัญที่เผด็จการวางเอาไว้เพื่อขัดขวางการแก้ไขรัฐธรรมนูญในมาตราที่เกี่ยวข้องกับการคืนอำนาจอธิปไตยให้กับประชาชน
วิโรจน์ กล่าวว่า ต่อให้รู้ว่าข้างหน้าเป็นเหวเป็นกองไฟหรือมีมวลชนจัดตั้งใส่เสื้อกลับด้านมายืนรอคุกคามอยู่ ถ้าเป็นเรื่องที่พรรคก้าวไกล ได้ให้คำมั่นเอาไว้กับประชาชนพรรคก้าวไกลก็จะขอรักษาคำมั่นไม่มีการชักแม่น้ำทั้งห้ามาเป็นข้ออ้างในการทำผิดคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชนแม้ว่าการลงมติในวาระที่ 3 จะเป็นฝ่ายแพ้ก็ตามแต่อย่างน้อยก็ทำให้ประชาชนได้มั่นใจแล้วว่าการมีอยู่ของ ส.ว. ชุดนี้
และการได้มาซึ่ง ส.ว. ตามกลไกของรัฐธรรมนูญนี้ นั้นมีแต่จะลิดรอน ลดทอนด้อยค่าอำนาจของประชาชน และการพัฒนาประเทศ ให้เป็นไปตามเจตจำนงของประชาชนตลอดจนการแก้ไขรัฐธรรมนูญเพื่อคืนอำนาจให้กับประชาชนในฐานะเจ้าของอธิปไตยของชาติอย่างแท้จริงจะไม่มีทางเกิดขึ้นได้เลยถ้ายังมี ส.ว. แบบนี้อยู่ในประเทศ พรรคก้าวไกลยืนยันว่า 84 เสียงของ ส.ว. ไม่มีทางที่จะมีคุณค่ามากกว่าเสียงของประชาชนทั้งประเทศเลย
พรรคก้าวไกลจะเดินหน้าแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อเปิดประตูบานแรก ของการพัฒนาประเทศ และดึงประชาชนทั้ง 67 ล้านคน ออกจากช่องแช่แข็ง เพื่อให้กติกาของประเทศ สามารถตอบสนองความฝันของพี่น้องประชาชนที่ต้องการที่จะมีสิทธิ และเสรีภาพ และการมีโอกาสที่เสมอภาค ในการที่จะมีปากท้อง และคุณภาพชีวิตที่ดี ต่อไปอย่างไม่ลดละและจะร่วมแรงร่วมใจกับประชาชนทั้งประเทศแก้ไขรัฐธรรมนูญ เพื่อไม่ให้ ส.ว. สามารถจับประชาชนไว้เป็นตัวประกันได้อีกต่อไปและประชาชนคงต้องถือโอกาสนี้ ถามไปยังพรรคภูมิใจไทย และพรรคประชาธิปัตย์ว่า
ในเมื่อ "การแก้ไขรัฐธรรมนูญ" ถูกอ้างว่าเป็นเงื่อนไขสำคัญใรการเข้าร่วมรัฐบาล ถึงกับบรรจุเป็นนโยบายเร่งด่วนของรัฐบาล นี่ก็ย่อมถึงเวลาแล้ว ที่พรรคภูมิใจไทย และพรรคประช่ธิปัตย์ จะต้องตอบประชาชนว่า ยังคงจะร่วมรัฐบาลต่อไปอีกหรือไม่
อ่านเพิ่มเติม