ไม่พบผลการค้นหา
รัฐบาลรัสเซียประกาศขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตเพิ่มอีก 23 ประเทศ เพื่อเป็นการตอบโต้ที่เจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซียกว่า 150 คน ถูกประเทศพันธมิตรของอังกฤษขับไล่จากกรณีลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียที่ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษด้วยสารพิษ

นายเซอร์เกย์ ลาฟรอฟ รัฐมนตรีกระทรวงต่างประเทศของรัสเซียได้เรียกเอกอัครราชทูตประจำรัสเซียจาก 23 ประเทศเข้าพบ เพื่อแจ้งว่าทั้ง 23 ประเทศจะถูกขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตบางส่วน โดยประเทศเหล่านี้ ส่วนใหญ่เป็นประเทศในสหภาพยุโรป เช่น ฝรั่งเศส เยอรมนี สวีเดน และ ฟินแลนด์ นอกจากนี้ก็มี แคนาดา และ ออสเตรเลียรวมอยู่ด้วย 

จำนวนเจ้าหน้าที่การทูตที่ถูกรัสเซียขับไล่ครั้งนี้ ก็แตกต่างกันไปในแต่ละประเทศ เช่น ยูเครนที่ถูกขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตมากถึง 13 คน ส่วนเยอรมนี ฝรั่งเศส แคนาดา และโปแลนด์ ถูกขับไล่เจ้าหน้าที่การทูต 4 คน ซึ่งก็เป็นการตอบโต้ที่ประเทศเหล่านี้ได้รวมตัวกันขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตของรัสเซียรวมกันกว่า 150 คน จากกรณีลอบสังหารอดีตสายลับรัสเซียที่ลี้ภัยอยู่ในอังกฤษด้วยสารพิษเมื่อวันที่ 4 มีนาคมที่ผ่านมา โดยก่อนหน้านี้ รัสเซียก็เพิ่งประกาศขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตสหรัฐฯประจำรัสเซีย 60 คนกลับประเทศ และสั่งปิดสถานกงสุลสหรัฐฯในนครเซนต์ปีเตอร์ปีเตอร์สเบิร์กด้วย

กระทรวงต่างประเทศรัสเซียยังให้เวลารัฐบาลอังกฤษ 1 เดือน ให้ลดจำนวนเจ้าหน้าที่การทูตของอังกฤษประจำรัสเซียให้เหลือจำนวนเท่ากับนักการทูตรัสเซียที่ประจำอยู่ในอังกฤษ

โฆษกของรัฐบาลอังกฤษแถลงข่าวว่าการขับไล่เจ้าหน้าที่การทูตต่างชาติของรัฐบาลรัสเซียครั้งนี้เป็นเรื่องที่น่าเสียใจ แต่ก็ไม่ได้เปลี่ยนแปลงข้อเท็จจริงว่ารัสเซียคือผู้ที่ต้องรับผิดชอบต่อการใช้อาวุธสารพิษร้ายแรงในการลอบสังหารผู้อื่นบนแผ่นดินของอังกฤษ ขณะที่โฆษกของนายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีของรัสเซียกล่าวว่ารัสเซียไม่ได้เป็นผู้ริเริ่มสงครามการทูตครั้งนี้กับชาติตะวันตก

ภาพ: AP