นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ กล่าวปราศรัยต่อสมาคมไรเฟิลแห่งชาติ หรือ NRA ในนครดัลลัส เท็กซัส โดยอ้างอิงถึงเหตุก่อการร้ายในฝรั่งเศสเมื่อเดือนพฤษจิกายน 2015 ว่าฝรั่งเศสมีกฎหมายควบคุมปืนที่เข้มงวดที่สุดในโลก ไม่มีใครมีปืน ทำให้เกิดเหตุโศกนาฏกรรมที่คนกว่า 130 รายต้องเสียชีวิตเนื่องจากการก่อการร้ายของคนไม่กี่คนที่มีปืน โดยนายทรัมป์ยังได้ทำท่าทางประกอบเป็นการยิงปืน ขณะพูดว่าผู้ก่อการร้ายสามารถไล่ยิงเหยื่อได้ทีละคน ก่อนจะสรุปว่าหากในวันนั้นหากใครสักคนมีปืน แล้วยิงสวนกลับไป ผู้ก่อการร้ายก็จะหนีไป ไม่ก่อเหตุร้ายแรงเช่นนี้
การยกตัวอย่างของนายทรัมป์ขัดกับความเป็นจริง ที่เหตุก่อการร้ายที่ปารีสเมื่อปี 2015 ผู้ก่อการร้ายใช้ปืนไรเฟิลกึ่งอัตโนมัติกราดยิงเหยื่อ ไม่ได้ยิงเป็นรายคน และยังใช้ระเบิดพลีชีพด้วย ทำให้มีผู้เสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
คำพูดดังกล่าวยังสร้างความไม่พอใจให้กับฝรั่งเศสอย่างมาก โดยกระทรวงต่างประเทศฝรั่งเศสออกแถลงการณ์ว่าไม่เห็นด้วยกับคำกล่าวของประธานาธิบดีสหรัฐฯ และขอให้นายทรัมป์ให้ความเคารพต่อผู้ที่จากไปในเหตุการณ์ดังกล่าวด้วย นอกจากนี้ยังย้ำว่าทุกประเทศมีเสรีภาพในการกำหนดกฎหมายเกี่ยวกับการครอบครองปืนและประเด็นอื่นๆ และฝรั่งเศสก็ภาคภูมิใจที่การครองครองปืนในประเทศได้รับการควบคุมอย่างเข้มงวด
อาน อิดาลโก นายกเทศมนตรีกรุงปารีส ทวีตข้อความระบุว่าคำพูดและการแสดงท่าทางล้อเลียนเหตุการณ์ก่อการร้ายปี 2015 ของนายทรัมป์เป็นสิ่งที่ไร้ค่าและถือเป็นการดูถูกฝรั่งเศส ขณะที่นายฟรองซัวส์ ออลลองด์ ซึ่งดำรงตำแหน่งประธานาธิบดีฝรั่งเศสในปี 2015 กล่าวว่าคำพูดของนายทรัมป์เป็นสิ่งที่น่าละอาย และสะท้อนว่าเขาคิดอย่างไรกับคุณค่าที่ชาวฝรั่งเศสยึดถือ
นอกจากการยกตัวอย่างเหตุก่อการร้ายในฝรั่งเศส ในการกล่าวปราศรัยครั้งนี้นายทรัมป์ยังได้พูดถึงเหตุก่อการร้ายด้วยมีดที่เกิดขึ้นบ่อยครั้งในอังกฤษด้วย โดยถึงกับเปรียบเทียบว่าโรงพยาบาลในลอนดอนอยู่ในเขตสงคราม ที่ต้องรับมือกับเหตุการณ์เช่นนี้ อย่างไรก็ตาม นายแพทย์คาริม โบรฮี ศัลยแพทย์อาวุโสในลอนดอน ตอบโต้ว่าเป็นเรื่องเหลวไหลที่นายทรัมป์แนะนำว่าการพกปืนจะช่วยป้องกันเหตุก่อการร้ายด้วยมีดได้