เจ้าหน้าที่ระดับสูงของ IMF หรือกองทุนการเงินระหว่างประเทศ เปิดเผยว่าไม่พบหลักฐานที่ชี้ว่าทางการจีนได้เข้าแทรกแซงอัตราการแลกเปลี่ยนค่าเงินหยวนให้ต่ำกว่าความเป็นจริง หลังจากที่ นายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ เคยกล่าวหาจีนและอียูว่าได้ทำการแทรกแซงอัตราแลกเปลี่ยนค่าเงินของตัวเองให้อ่อนค่ากว่าความเป็นจริง เพื่อให้ราคาสินค้าส่งออกของตัวเองถูกกว่าประเทศอื่นๆ และถึงแม้ว่าไม่นานมานี้ จะเกิดการเคลื่อนไหวทางค่าเงินบางอย่าง แต่ก็ไม่มีหลักฐานที่บ่งชี้ถึงการแทรกแซงและบิดเบือนค่าเงินแต่อย่างใด หากแต่เป็นปัจจัยทางเศรษฐกิจอื่นๆของจีนต่างหากที่ทำให้ค่าเงินหยวนอ่อนค่าลง อย่างอัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจที่ต่ำลง อัตราดอกเบี้ยที่น้อยลง และภัยคุกคามจากกำแพงภาษีที่มีต่อจีน เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม รายงานของกระทรวงการคลังสหรัฐฯเปิดเผยว่า จีนเป็นหนึ่งในประเทศที่สหรัฐฯจะจับตามองการเคลื่อนไหวของค่าเงินอย่างใกล้ชิด เพราะถือว่าเป็นประเทศที่สหรัฐฯขาดดุลการค้าให้มากที่สุด นอกจากนี้ยังมี เยอรมนีอีกหนึ่งประเทศที่อยู่ในรายชื่อที่ต้องจับตามอง เนื่องจากเป็นประเทศที่มีบัญชีเดินสะพัดเกินดุลมากที่สุดในโลก แต่กลับไม่มีมาตรการเพื่อแก้ไขการเกินดุลนี้แต่อย่างใดในช่วงระยะเวลา 3 ปีที่ผ่านมา
รายงานของ IMF ยังเปิดเผยว่า การขาดดุลและเกินดุลการค้าของประเทศที่มีความสำคัญทางเศรษฐกิจอย่างจีนและเยอรมนี อาจจะส่งผลให้เกิดความตึงเครียดทางการค้ามากขึ้น แต่ก็เรียกร้องให้ประเทศต่างๆหลีกเลี่ยงมาตรการกีดกันทางการค้า และอย่าให้ความสำคัญกับการขาดดุลการค้าในระดับทวิภาคีมากเกินไป เหมือนอย่างที่ทรัมป์มักจะออกกล่าวโทษประเทศคู่ค้าที่สหรัฐฯเสียดุลการค้าให้อยู่เสมอว่าแทรกแซงทางการเงิน
ภาพ: AFP