วันที่ 4 ธ.ค. 2565 ประภัสร์ จงสงวน สมาชิกพรรคเพื่อไทย และอดีตผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย ให้สัมภาษณ์ในรายการ Wake up thailand วันที่ 3 มกราคม 2566 ประเด็น “ 33 ล้านบาท เปลี่ยนชื่อป้ายสถานีกลางบางซื่อ แพงไปหรือไม่”
โดย ประภัสร์ ระบุว่า ราคาการเปลี่ยนป้ายดังกล่าวอาจจะแพงเกินไป โดยเฉพาะค่าสถาปัตยกรรมถึง 24 ล้านบาท ค่าทำตัวหนังสือแต่ละตัว แพงขนาดนั้นหรือ และสถานีนี้มีการติดตั้งป้ายมาแล้วครั้งหนึ่งเมื่อครั้งสร้างแล้วเสร็จ จึงเสนอแนะว่าควรให้ผู้รับเหมารายนั้นมาดูราคาการติดตั้งป้ายชื่อสถานีกลางบางซื่อป้ายแรก ตกลงราคากันไว้เท่าไหร่ ซึ่งการติดตั้งป้ายแบบ Curtain Wall แบบป้ายสถานีกลางบางซื่อ ไม่ใช่เทคโนโลยีใหม่ ใช้การออกแบบติดตั้งผ่านคอมพิวเตอร์ได้ทั้งหมด เป็นการเพิ่มตัวอักษรจากชื่อเดิม เพราะคำว่า “สถานีกลาง” ไม่ต้องทำใหม่ ส่วนการติดตั้งไม่ยาก เป็นป้ายแบบเดียวกันกับป้ายสนามบินสุวรรณภูมิ
ทั้งนี้ ประภัสร์ ยังได้ตั้งข้อสังเกตว่า
1.มีการ “พระราชทานชื่อ” มาตั้งแต่เดือน ก.ย. 2565 หัวจดหมายระบุ “ด่วนที่สุด” ซึ่งโดยปกติด่วนที่สุด คือต้องดำเนินการไม่เกิน 1 สัปดาห์ แต่เหตุใดจึงมีการเร่งดำเนินการในเดือน ธ.ค. 2565 ผ่านวิธีการประมูลแบบ “เฉพาะเจาะจง” ในเดือน ธ.ค. ซึ่งวิธีการนี้เพิ่งมีขึ้นหลังการรัฐประหาร 2557 โดยรัฐสามารถเลือกได้ว่าจะว้าจ้างบริษัท โดยไม่มีคู่แข่งในการประมูล
2.การชี้แจงของการรถไฟแห่งประเทศไทยในยุคปัจจุบัน เป็นการชี้แจงที่ผิดปกติหรือไม่ เพราะไม่มีผู้รับผิดชอบโดยตรงด้านการก่อสร้างออกมาชี้แจง หากตนยังเป็นผู้ว่าการรถไฟแห่งประเทศไทย สิ่งแรกที่จะดำเนินการคือ ตนพร้อมผู้รับผิดชอบโครงการจะออกมาชี้แจงผ่านสื่อมวลชนอย่างเป็นทางการ และเปิดเอกสารค่าใช้จ่ายต่อสาธารณชน เพื่อคลายข้อสงสัยของสังคม
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับสถานีกลางบางซื่อ มีการอนุมัติการก่อสร้างในปี 2553 และเซ็นต์สัญญาก่อสร้างในปี 2556 ในรัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร นายกรัฐมนตรีในขณะนั้น ชัชชาติ สิทธิพันธุ์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม ส่วน ประภัสร์ เป็นผู้ว่าการการรถไฟแห่งประเทศไทย ถูกออกแบบให้เป็นสถานีรถไฟครบวงจร ทั้งรถไฟความเร็วสูง รถไฟรางคู่ รถไฟชานเมือง ในขณะนั้นถูกปรับแบบการก่อสร้างครั้งใหญ่ เพื่อรองรับรถไฟความเร็วสูง ทั้งการปรับแบบทางวิ่งช่วงบางซื่อ-รังสิต จาก 3 เป็น 4 ทาง เพื่อให้รถไฟทางไกลสามารถวิ่งสวนกันได้โดยไม่ต้องจอดหลีก
และเนื่องจากสถานีกลางบางซื่อเป็นสถานีรถไฟขนาดใหญ่ ต้องใช้กระแสไฟฟ้าในปริมาณมาก จึงวางแผนให้มีการติดตั้งโซลาร์เซล เพื่อให้จ่ายค่าไฟฟ้าน้อยที่สุด สามารถประหยัดงบประมาณได้ในระยะยาว และสามารถขายกระแสไฟฟ้าได้ จะทำให้การรถไฟแห่งประเทศไทยได้กำไรมาใช้หนี้ได้อีกด้วย แต่ทุกอย่างเปลี่ยนไป นับตั้งแต่ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ผบ.ทบ.ในขณะนั้นได้กระทำการรัฐประหารเมื่อปี 2557