วันที่ 7 ส.ค. 2565 ที่ศูนย์ประชุมและแสดงสินค้านานาชาติ GMS อ.เมือง จ.เชียงราย แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย ให้สัมภาษณ์ว่า พรรคเพื่อไทยในพบประชาชนที่ จ.เชียงราย โดยมาเหนือสุดของประเทศ ยืนยันพรรคเพื่อไทยรู้จริงพื้นที่ภาคเหนือและ จ.เชียงราย
ถามว่า พรรคพลังประชารัฐประกาศจะเอาพื้นที่ จ.หนองคาย ของพรรคเพื่อไทย ยังมั่นใจว่าพรรคเพื่อไทยยังแลนด์สไลด์หรือไม่ แพทองธาร ระบุว่า มั่นใจสู้ได้แน่นอน เรามีคำตอบให้ทุกปัญหาไม่ใช่แค่ จ.เชียงราย แต่เป็นปัญหาหลักของประเทศ โดยแต่ละพื้นที่จะมี ส.ส.เป็นตัวแทนลงพื้นที่ดูแลปัญหาให้ประชาชน เพราะไม่มีใครรู้ดีไปกว่าคนในพื้นที่ รวมทั้งนโยบายของพรรคด้วย แน่นอนทุกพรรคย่อมหาเสียงด้วยการแลนด์สไลด์ แต่พรรคเพื่อไทยก็มีคำตอบ
ถามถึงกรณี แพทองธาร มีความพร้อมเป็นแคนดิเดตนายกฯ หรือไม่ แพทองธาร ระบุว่า เป็นคำถามยอดฮิต เชิญถามได้เรื่อยๆ จนกว่าจะมีชื่อตนออกไป
“อิ๊งค์คิดว่าคนที่เหมาะสมที่สุดกับคนที่ประชาชนไว้ใจที่สุด คนนั้นจะเป็นคนพาประเทศไปสู่สิ่งทีดีกว่านี้ ไม่ว่าจะส่งใครมา ก็ต้องเป็นคนที่ประชาชนเลือกนั่นคือ กฎประชาธิปไตย”
แพทองธาร ระบุว่า ตนเชื่อว่าประชาชนกำลังรอการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้อย่างมาก ส่วนตัวได้รับพลังบวกจาก ทักษิณ ชินวัตร และ ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี
เมื่อถามถึงกรณี พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม เป็นนายกฯ มา 8 ปีจะครบกำหนดในวันที่ 24 ส.ค.นี้ ถือว่าควรพอแล้วหรือยัง แพทองธาร กล่าวเพียงว่า “ต้องถามตัวท่านเองว่าพอหรือยัง”
ขณะที่ นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุถึงการพิจารณาร่างแก้ไข พ.ร.ป.ว่าด้วยการเลือกตั้ง ส.ส. ที่เกี่ยวกับสูตรคำนวณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ เหลือการพิจารณาในที่ประชุมร่วมกันของรัฐสภา 1 วันจะทำให้กฎหมายตกไปหรือไม่ว่า พรรคเพื่อไทยปฏิเสธในกฎหมายที่เผด็จการสั่ง สูตรหาร 500 ไม่ใช่เผด็จการรัฐสภา แต่เป็นการถูกเผด็จการสั่งได้ เราไม่ร่วมสังฆกรรมเป็นองค์ประชุมให้กับกฎหมายนี้และมีช่องทางที่จะใช้ร่างที่ส่งมาได้ในวาระแรก หากสุดท้ายศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยด้วยแนวทางใด ก็พร้อมยอมรับคำวินิจฉัย เพราะผูกพันทุกองค์กร ทั้งนี้ไม่เคยเกี่ยงว่าจะเป็นการหารด้วย100 หรือ 500
นพ.ชลน่าน ระบุถึงการยื่นตีความสถานะนายกฯ 8 ปี ของตัว พล.อ.ประยุทธ์ ว่า ตอนนี้กระแสประชาชนไม่สนใจข้อกฎหมายแล้ว โดยพรรคเพื่อไทยและฝ่ายค้านจะใช้ข้อกฎหมายเป็นหลักในการยื่นวินิจฉัยต่อศาลรัฐธรรมนูญ โดยคาดว่าจะยื่นศาลได้ในวันที่ 17 ส.ค.นี้ โดยคำร้องก็จะระบุถึงการให้ พล.อ.ประยุทธ์ พ้นจากการปฏิบัติหน้าที่และมีคำสั่งให้หยุดปฏิบัติ โดยให้เป็นหน้าที่ของนายกฯ รักษาการแทน
ต่อมา เมื่อเวลา 13.30 น. ที่วัดร้องหลอด ต.เมืองพาน อ.พาน จ.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย นำโดย นพ.ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย แพทองธาร ชินวัตร ประธานคณะที่ปรึกษาด้านการมีส่วนร่วมและนวัตกรรมพรรคเพื่อไทย ในฐานะหัวหน้าครอบครัวเพื่อไทย พานทองแท้ ชินวัตร สมาชิกพรรคเพื่อไทย พร้อม ส.ส.เชียงราย พรรคเพื่อไทย ว่าที่ผู้สมัคร ส.ส.เชียงราย และคณะรับฟังปัญหาจากตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ซึ่งเดินทางมาในครั้งนี้ 5 กลุ่ม ประกอบด้วย อาข่า ม้ง กระเหรี่ยง ลาหู่และลีซู
ทั้งนี้ตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ ได้สะท้อนปัญหาความเหลื่อมล้ำไม่เท่าเทียม และสิทธิขั้นพื้นฐาน ซึ่งทำให้พี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ขาดแคลนในสิ่งที่จำเป็นต่อการดำรงชีวิต อาทิ ไฟฟ้า ซึ่งไม่สามารถเข้าถึงที่อยู่อาศัยได้ เนื่องจากติดปัญหาเรื่องพื้นที่ป่า แม้จะเสียภาษีแต่กลับไม่มีสิทธิขั้นพื้นฐานต่างๆ กระทั่งการซื้อที่ดินก็ไม่สามารถทำได้ ดังนั้นจึงอยากขอเลข 13 หลักของบัตรประจำตัวประชาชน รวมไปถึงขอให้พรรคเพื่อไทยพิจารณาแก้ไขปัญหาเรื่องการศึกษา ทั้งในส่วนของโอกาสที่จะเข้าถึงการศึกษาและการกระจายการศึกษาไปในพื้นที่ต่างๆ อย่างเท่าเทียม ซึ่งเชื่อว่าพรรคเพื่อไทย จะสามารถผลักดันแก้ไขปัญหานี้ได้ เพราะในอดีตพรรคไทยรักไทยเคยได้ให้โอกาสเยาวชนด้านการศึกษาด้วยโครงการ 1 อำเภอ 1 ทุนการศึกษา
ขณะที่ นุช คงนาคทิพย์ อดีตข้าราชการประจำสำนักนายกฯ ในรัฐบาล สมัคร สุนทรเวช และสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หนึ่งในตัวแทนกลุ่มชาติพันธุ์ระบุ การศึกษาอย่ากระจุกในเมืองเท่านั้น อยากให้ลูกหลานมีการศึกษาดีๆ เชื่อว่าพรรคเพื่อไทยจะมาบูรณาการให้การศึกษาดี อยากให้ แพทองธาร ได้เป็นนายกฯ ตนเป็นเด็กทุน 1 อำเภอของรัฐบาลพรรคไทยรักไทย เพราะเราไม่มีเงิน ถ้าไม่มี ทักษิณ อาจไม่ได้เรียนต่อ ทำให้ตนเองได้ไปเรียน ม.เชียงใหม่ เมื่อจบแล้วก็ได้ทุนสมัย รัฐบาล ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร ได้ทุนไปเรียนต่อที่ออสเตรเลีย โดยอยากให้พรรคเพื่อไทยมาเป็นรัฐบาล
นพ.ชลน่าน กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยพร้อมด้วย แพทองธาร และทีมงานพรรคเพื่อไทยทั้งหมดที่มา ยินดีจะรับปัญหาทั้งหมดไปเป็นนโยบายของพรรคต่อไป
จากนั้น น.ส.แพทองธาร ระบุว่า ตนเองดูอึ้งๆ เงียบไปเพราะตนได้รับฟังปัญหาของพี่น้องประชาชนที่เป็นกลุ่มชาติพันธุ์ ส่วนตัวชอบที่ได้ฟังปัญหาจริงๆที่พี่น้องเจอ ไม่มีใครเข้าใจปัญหาได้เท่ากับตัวพี่น้อง พรรคเพื่อไทยขอบคุณตัวแทนพี่น้องกลุ่มชาติพันธุ์ที่มาคุย การนั่งพื้นไม่ใช่เรื่องใหญ่ ตนไม่เคยรู้ว่าคำว่าชาวเขาทำให้พี่น้องรู้สึกไม่ดี เพราะทุกครั้งที่ใช้ไม่เคยคิดไม่ดี
“คุณพ่อถูกเรียกว่า แม้ว อิ๊งค์ ไม่ได้รู้สึกว่าคำนั้นไม่ดี ทั้งที่ไม่ใช่ชื่อ เพราะที่บ้านจะเรียกว่า ษิณ ดีใจที่พรรคเพื่อไทยมีโอกาสมาเจอพี่น้อง ตอนนี้ยังไม่ได้เป็นรัฐบาล ที่มาวันนี้ขอให้ใจจำนำไปไว้ก่อน ยืนยันประชาธิปไตยประชาชนต้องมาก่น ขอบคุณทุกคนที่มาให้พรรคเพื่อไทยรับฟังปัญหา” แพทองธาร กล่าว