ที่งาน "Thailand Internation Health Expo 2022 " รอยัลพารากอนฮอลล์ ชั้น 5 สยามพารากอน กรุงเทพมหานคร อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์ผู้สื่อข่าวถึงการควบคุมโควิด 19 ว่า ตอนนี้เรากำลังเดินหน้าให้โควิดเป็นโรคประจำถิ่น แต่มันต้องกำหนดคุณสมบัติกันก่อน ทั้งอัตราการเสียชีวิต ความพร้อมของสถานพยาบาล อัตราวัคซีน ความพร้อมของเวชภัณฑ์ เมื่อผ่านคุณสมบัติก็จะสามารถคลี่คลายตามสถานการณ์ 

ส่วนข้อกังวลเรื่องให้ถอดหน้ากากในสถานที่สาธารณะ ย้ำว่าท่านปลัดกระทรวงสาธารณสุขไม่ได้บอกว่าให้ถอดหน้ากากได้แล้ว เพียงแต่ว่าเมื่อถึงจุดนึงสถานการณ์ดีขึ้นจะมีการพิจารณาผ่อนปรนมาตรการได้ในบางพื้นที่ เช่น สวนสาธารณะ ตามที่เป็นข่าว หากมีการตรวจเช็คได้วัคซีนครบ การจะไปออกกำลังกายในนั้นก็สามารถทำได้ตามปกติ

สำหรับมาตรการวันสงกรานต์ แพทย์มีคำแนะนำว่าก่อนกลับต่างจังหวัด 1 สัปดาห์ ไม่ควรไปสถานที่เสี่ยง ก็จะเป็นการช่วยลดความเสี่ยงในการติดเชื้อได้ โดยจะเล่นน้ำได้หรือไม่ต้องรอพรุ่งนี้ (18 มี.ค. 65) เนื่องจากทางกรมควบคุมโรคจะมีการประเมินสถานการณ์ความเสียหายที่อาจเกิดขึ้น 

เมื่อถามถึงเรื่องการดำเนินมาตรการปรับเกณฑ์การรักษาผู้ป่วยโควิด 19 หรือ UCEP PLUS ที่ดำเนินการไปเมื่อวานนี้ เป็นวันแรก อนุทิน กล่าวว่า ยังไม่พบปัญหา อยากให้เน้นว่าใครป่วยด้วยโรคอะไรก็ตาม แล้วมีอาการฉุกเฉินก็สามารถใช้สิทธินี้ได้เหมือนกัน ในส่วนของผู้ที่มีอาการสีเขียว ก็เข้ารับการรักษาแบบ Home Isolation หรือ OPD เจอ แจก จบ อยากจะเพิ่มเติมในส่วนของ ลด ละ เลิก การดื่มแอลกอฮอล์ในช่วงสงกานต์ เนื่องจากเป็นปัจจัยในการแพร่เชื้อ

สำหรับมาตรการภาพรวมประเทศไทย การจัดการโควิดฯ เราได้ทำทุกอย่าง เพื่อความปลอดภัยของประชาชน เราต้องทำให้ประชาชนมั่นใจว่าจะปลอดภัยจากโรคโควิด-19 เมื่อเราสามารถให้การดูแลในเรื่องของการป้องกันและรักษาได้ ต้องคิดถึงในเรื่องที่ทำให้ประเทศนี้สามารถขับเคลื่อนทางเศรษฐกิจและธุรกรรมต่างๆ กับนานาประเทศ สิ่งที่เราได้ทำคือ เราได้เปิดช่องทางแทบทุกทช่องทางที่จะทำให้การสัญจรไปมาเดินทางเข้าออกประเทศได้ด้วยความสะดวกมากยิ่งขึ้น และให้ความเชื่อมั่นว่าประเทศเรามีความพร้อม

ทั้งความปลอดภัยในการเดินทางเข้ามาในประเทศ และในเรื่องของรักษาพยาบาล เพื่อที่ไห้เกิดความมั่นใจ และเดินทางมาทำธุรกิจและการท่องเที่ยว วันนี้เราทำเรื่อง “เฮลท์เอ็กซ์โป” เพื่อเปิดช่องทางให้นักท่องเที่ยวชาวต่างชาติ ได้เข้ามาดูแลสุขภาพของพวกเขาด้วย ต่อไปจนเป็น “เฮลท์ ทัวร์ริซึ่ม” ให้มาตรวจเช็กสุขภาพ เพื่อสร้างรายได้อย่างมหาศาลแก่ประเทศไทย

ปัจจุบันนี้ อัตราการติดเชื้อไปจนถึงจำนวนของผู้ป่วยมีอาการรุนแรง และค่าเฉลี่ยการเสียชีวิตยังไม่ได้เพิ่มขึ้น เมื่อเทียบกับผู้ติดเชื้อทั้งหมดยังอยู่ในระดับ 0.1% เราก็พยายามไม่ให้เกิดความเสียหายมากกว่านี้ ผู้ที่เสียชีวิตก็ยังเป็นกลุ่มที่มีโรคประจำตัวอื่นๆ ประกอบอยู่แล้ว และเป็นผู้ที่เป็นผู้สูงอายุ ที่สำคัญ ไม่ได้รับวัคซีน สธ. เราได้รณรงค์อย่างเต็มที่ ตอนนี้เราเดินหน้าเต็มที่ให้ผู้ที่ปฏิเสธวัคซีนเข้าใจ และเข้ามารับวัคซีน คิดว่าสถานการณ์จะดีขึ้น เมื่อทุกคนได้รับวัคซีนตามเป้า และเราได้ปฏิบัติตามมาตรการของกระทรวงสาธารณสุข 

เมื่อถามว่า หากมีเชื้อตัวใหม่เข้ามา การรับมือจะเป็นอย่างไร อนุทิน กล่าวว่า ขอให้ปฏิบัติตามที่กระทรวงสาธารณสุข ขอร้องให้พี่น้องประชาชนได้ปฏิบัติตาม ใส่หน้ากาก ฉีดวัคซีน เว้นระยะห่าง หลีกเลี่ยง การไปในที่สุ่มเสี่ยง ไม่ว่าจะเป็นสายพันธุ์ไหน เราก็จัดการได้ พรุ่งนี้อาจจะมีการนำเสนอว่า ไม่ต้องทำ RT-PCR ก่อนเข้าเมืองไทย 72 ชั่วโมง ให้มาทำในไทยมาถึงแล้วเข้ารับการคัดกรองเลย