วันที่ 5 ม.ค. 2566 ที่ทำเนียบรัฐบาล อนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข ให้สัมภาษณ์หลังประชุมเพื่อเตรียมความพร้อมรับนักท่องเที่ยวจีนว่า ในการประชุมโดยภาพรวมหลักๆ คือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กรุงเทพมหานคร และกระทรวงต่างประเทศ ซึ่งมาตรการที่ยังมีอยู่ในปัจจุบันก็เหมาะสมอยู่แล้ว ส่วนเรื่องทั่วไปถ้าไม่มีข้อกำหนดจะให้ซื้อประกันสุขภาพมาเพื่อความสะดวกต่างๆ ในประเทศ ซึ่งถ้ามีนักท่องเที่ยวเข้ามาแล้ว ก็จะเป็นหน้าที่หลักๆ ของ 4 หน่วยงาน คือ สาธารณสุข คมนาคม ท่องเที่ยวและกีฬา และกทม. จะจัดตั้งศูนย์ปฏิการร่วมรองรับอำนวยความสะดวกให้กับนักท่องเที่ยวช่วงต้น ซึ่งมาตรการสามารถลดหย่อนได้ตามสถานการณ์ 

ส่วนค่าเหยียบแผ่นดินต้องหารือกันของกระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา ซึ่งตอนนี้ยังไม่มีผลบังคับใช้ ส่วนการซื้อประกันสุขภาพเป็นสิ่งที่นักท่องเที่ยวต้องมีติดตัวไว้ โดยเงื่อนไขครอบคลุมเจ็บป่วยทั่วไปอยู่แล้ว รวมถึงโรคโควิด-19 ด้วย แต่โดยส่วนใหญ่พฤติกรรมนักท่องเที่ยวเข้าเพิ่มเงินเพื่อซื้อประกันสุขภาพตรงนี้อยู่แล้ว โดยเป็นการปฏิบัติที่เท่าเทียมกันของประเทศรับนักท่องเที่ยว และประเทศนักท่องเที่ยว 

เมื่อถามถึงการเตรียม RT-PCR สำหรับนักท่องเที่ยว อนุทิน ตอบว่า เราต้องใช้ระบบที่มีห้องแลป หรือคลินิกที่ขึ้นทะเบียน และให้โรงแรมที่พักที่นักท่องเที่ยวมาไปทำข้อตกลงการร่วมมือกันเพื่อจัดให้มีซุ้มตรวจ RT-PCR โดยต้องให้โรงแรมให้ความสะดวกให้มากขึ้น นอกจากนี้ถ้ามีการกลายพันธุ์ที่อุบัติใหม่ขึ้นมา

อนุทิน กล่าวอีกว่า ส่วนกรณีที่ทาง กทม. เข้ามาหารือนั้น โดยรวม ทางกทม.ให้ความร่วมมือ และข้อมูลคำแนะนำที่ดี โดยวันที่ 12 ม.ค. นี้ จะมีเที่ยวบินไฟล์ทแรกจากประเทศจีน โดยตนจะไปให้การต้อนรับ และตรวจความพร้อมในการปฏิบัติงานเพื่อให้เกิดความสะดวกที่สุดแก่นักท่องเที่ยว และปลอดภัยแก่คนไทย ประกอบกับมาตรการเก่าๆ เช่น ในภัตตาคารอาหาร บริกรต้องสวมหน้ากากอนามัย คนอยู่ในครัวต้องใส่ถุงมือในการประกอบอาหารนี่ไม่ใช่เรื่องใหม่ 

"นี่เป็นโอกาสที่เราได้เร่งฟื้นฟูเศรษฐกิจจากความสูญเสียต่างๆ ที่รับกันมาเกือบ 3 ปี การท่องเที่ยวคือรายได้สำคัญสำหรับประเทศไทย และยังมีธุรกิจที่เกี่ยวเนื่องอีกมากมาย เป็นนิมิตหมายที่จะพลิกฟื้นซ่อมแซมในสิ่งที่เสียหาย" อนุทิน กล่าว