ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ สส. บัญชีรายชื่อ และรองโฆษกพรรคเพื่อไทย กล่าวเน้นย้ำเรื่องความคุ้มค่าของการลงทุนโครงการ แลนด์บริดจ์ ซึ่งเป็นโครงสร้างพื้นฐานทางคมนาคมที่สำคัญของ“เขตระเบียงเศรษฐกิจภาคใต้อย่างยั่งยืน หรือ Southern Economic Corridor (SEC) ว่า การพิจารณาความคุ้มค่าของการลงทุน 1 ล้านล้านบาทของโครงการนี้ ต้องพิจารณา 3 ประเด็นสำคัญร่วมด้วย ได้แก่

1. โครงการแลนด์บริดจ์ เป็นการสร้างเส้นทางขนส่งเชื่อมต่อ 2 ท่าเรือเชื่อม 2 น่านน้ำ ภายใต้แนวคิด “One Port Two Sides หรือ ท่าเรือเดียว ทางออก2ฝั่ง” การพิจารณาความคุ้มทุนของโครงการจึงคิดแค่มูลค่าการขนส่งสินค้าไม่ได้ แต่ต้องพิจารณาการสร้างงาน สร้างเศรษฐกิจ ของอุตสาหกรรมหลังท่าใน 4 จังหวัดด้วย

2. รัฐบาลที่นำโดยนายกเศรษฐา ทวีสิน ได้ปรับเปลี่ยนแนวทางการลงทุนจากการลงทุนเอง บริหารเอง เป็นการร่วมลงทุนกับภาคเอกชนที่มีศักยภาพชั้นนำระดับโลก เพราะปัจจัยของความสำเร็จที่สำคัญ คือ ต้องบริหารจัดการท่าเรือให้มีประสิทธิภาพ และต้องได้พันธมิตรที่มีเครือข่ายที่แข็งแรง จึงได้เดินสายเชิญชวน และรับฟังข้อเสนอแนะจากผู้ลงทุนทั่วโลกตลอดที่ผ่านมา 

3. ประเทศสิงคโปร์ประเมินความต้องการการขนส่งสินค้าผ่านแดนในพื้นที่นี้ไว้อีกมาก และกำลังพัฒนาท่าเรือแห่งใหม่ เพื่อขยายศักยภาพการรองรับจาก 35 ล้านตู้ ให้ได้ 65 ล้านตู้ ภายในปี 2583 ดังนั้นโครงการแลนด์บริดจ์ของไทย ที่วางแผนความสามารถในการรองรับปริมาณสินค้าในเฟสแรกที่ 10 ล้าน TEUs ในปี 2573 จึงไม่ถือว่าเป็นการแย่งส่วนแบ่งทางการตลาดปัจจุบัน แต่เป็นการสร้างโอกาสใหม่ให้ประเทศในการรองรับความต้องการการขนส่งที่กำลังเติบโตขึ้น

“ผมเชื่อว่าการค้านและเสนอแนะ เป็นสิ่งที่ดี เราเคยเป็นฝ่ายค้านที่ไม่ได้ค้านทุกเรื่อง การกล่าวเหมารวมไปว่าโครงการแลนด์บริดจ์จะเป็นค่าโง่ หรือกล่าวหาว่ารัฐบาลจะเอาเสียงข้างมากมาฟอกขาวให้โครงการ ดูจะเป็นคำกล่าวที่เกินเลยไปกว่าสิ่งที่ควรจะเป็นไปมาก รัฐบาลที่นำโดยเพื่อไทย มองเห็นโอกาสทางการค้า และศักยภาพทางเศรษฐกิจของประเทศ เราต้องร่วมกันมองหาโอกาสใหม่ๆครับ ไม่ใช่มองหาแต่ปัญหาในทุกโอกาส” ชนินทร์กล่าว