ชนินทร์ รุ่งธนเกียรติ รองเลขาธิการนายกรัฐมนตรีฝ่ายการเมือง กล่าวถึงการเดินทางไปตรวจราชการในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก หรืออีอีซี ของนายเศรษฐา ทวีสิน นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลังว่า ตนได้มีโอกาสร่วมคณะในฐานะตัวแทนของรองนายกภูมิธรรม เวชยชัย ที่ติดภารกิจไปร่วมเปิดงานแสดงสินค้านานาชาติที่ประเทศจีน หรือ CIIE โดยการตรวจราชการครั้งนี้
นายกรัฐมนตรีมีความมุ่งมั่นที่จะเร่งรัดการการลงทุนจริงของภาคเอกชนในพื้นที่อีอีซีให้เกิดขึ้นโดยเร็ว เพื่อเร่งสร้างงาน สร้างการผลิต และมูลค่าการเติบโตทางเศรษฐกิจให้กับประเทศ จึงมีความจำเป็นต้องให้หน่วยงานต่างๆบูรณาการการทำงาน และสื่อสารความพร้อมของโครงสร้างพื้นฐานต่างๆให้ชัดเจน ทั้งการเดินทาง การขนส่งสินค้า การบริการน้ำ การบริการไฟฟ้า และสิทธิประโยชน์ต่างๆ เป็นต้น เพื่อสร้างความมั่นใจให้เอกชนต่างๆที่นายกรัฐมนตรีได้เชิญชวนมาร่วมลงทุนในประเทศในช่วงที่ผ่านมา และที่เตรียมการจะเชิญชวนต่อในเร็วๆนี้
ชนินทร์กล่าวว่า การลงพื้นที่ครั้งนี้ นายกได้สั่งการให้การท่าเรือแห่งประเทศไทย หาแนวทางที่จะเร่งรัดการก่อสร้างท่าเรือแหลมฉบังส่วนต่อขยายให้ดำเนินการได้ตามแผน เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะมีโครงสร้างพื้นฐานในการขนส่งสินค้ารองรับเพียงพอ และได้รับทราบแนวทางการบริหารจัดการน้ำในเขตพื้นที่นิคมอุตสาหกรรม ว่าได้มีการปรับแผนการผันน้ำเพื่อรองรับช่วงที่คาดว่าน้ำจะน้อยลงแล้ว
จึงสามารถมั่นใจได้ว่าจะมีน้ำเพียงพอต่อการใช้งานทั้ง 4 วัตถุประสงค์ ได้แก่ การอุปโภคบริโภค การเกษตร อุตสาหกรรม และการดำรงระบบนิเวศทางธรรมชาติ รวมถึงเป็นสักขีพยามการประกาศความร่วมมือในการบริหารจัดการน้ำร่วมกันระหว่างรัฐและเอกชนผู้ได้รับสัมปทานทั้ง 2 รายคือ บริษัท วงษ์สยามก่อสร้าง จำกัด และบริษัท จัดการและพัฒนาทรัพยากรน้ำภาคตะวันออก จำกัด (มหาชน) หรืออีสท์ วอเตอร์ อีกด้วย
“เพื่อเร่งคลี่คลายปัญหาการจัดเตรียมโครงสร้างพื้นฐานอื่นๆ และการลดอุปสรรคที่ขวางการตัดสินใจลงทุนของเอกชนในต่างประเทศ นายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ตั้งคณะกรรมการเร่งรัดการลงทุนในพื้นที่อีอีซี เพื่อหาข้อสรุปทุกกรณีให้ชัดเจนภายใน 60 วันก่อนกลับลงมาตรวจราชการในพื้นที่นี้อีกครั้งหนึ่ง” ชนินทร์กล่าว