วันที่ 8 พ.ค. 2562 นายกรณ์ จาติกวณิช อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วยนายชัยวุฒิ บรรณวัฒน์ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม ว่าที่ ส.ส. จังหวัดตาก นายธนิตพล ไชยนันทน์ อดีต ส.ส. ปชป. จังหวัดตาก นายขยัน วิพรมชัย อดีต ส.ส.ปชป. จังหวัดลำพูน เดินทางลงพื้นที่จังหวัดเชียงใหม่ โดยในช่วงเช้าได้เข้าเยี่ยมเยียนและรับทราบปัญหาของกลุ่มวิสาหกิจชุมชนผู้ปลูกมะม่วงบ้านท่าล้อ อำเภอดอยหล่อ และกลุ่มสหกรณ์ผู้ปลูกหอมใหญ่ อำเภอแม่วาง จังหวัดเชียงใหม่ โดยมีนายพรชัย จิตรนวเสถียร นายวิวัฒน์ กิตติพรพานิช และนางสาววรณัน อ้นท้วม ผู้สมัคร ส.ส. ปชป. จังหวัดเชียงใหม่ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น
การลงพื้นที่ครั้งนี้ สืบเนื่องจาก ในพื้นที่เชียงใหม่โดยเฉพาะอำเภอแม่วางและดอยหล่อ มีกลุ่มชาวบ้านจำนวนมากร้องเรียนถึงปัญหาที่สำคัญของพื้นที่ได้แก่ราคาพืชผล การขาดแคลนการบริหารจัดการน้ำที่มีประสิทธิภาพ และปัญหาการดูแลผู้สูงอายุที่เป็นชาวสวนในพื้นที่ ทั้งนี้ ตัวแทนชาวสวนมะม่วงในพื้นที่ ได้ให้รายละเอียดกับทีมงานว่า น้ำเป็นปัจจัยสำคัญที่ถึงแม้ว่าในพื้นที่จะอยู่ใกล้แ���่น้ำปิงแต่การบริหารจัดการน้ำในพื้นที่ยังไม่มีประสิทธิภาพมากนัก
ขณะที่ตัวแทนผู้ปลูกหอมใหญ่ร้องเรียนถึงปัญหาบริหารจัดการ การนำเข้าหอมใหญ่และบริหารปริมาณให้สอดคล้องกับช่วงผลผลิตของเกษตรกรไทยอย่างเข้มงวด เพื่อไม่ให้กระทบต่อราคาภายในประเทศ
ทั้งนี้ นายกรณ์ ได้กล่าวกับผู้แทนเกษตรกรว่า พรรคประชาธิปัตย์มีนโยบายกองทุนน้ำชุมชน และการดูแลปัญหาราคาสินค้าเกษตร ที่จะช่วยตอบโจทย์เรื่องนี้เป็นอย่างดี โดยเฉพาะปัญหาที่เกษตรกรกำลังประสบอยู่ ทั้งปัจจัยการผลิตในการดูแลต้นทุนของเกษตรกร และแหล่งน้ำ รวมไปถึงกลไกการผลิตที่ยังคงบริหารจัดการได้ไม่ดีพอจนเกษตรกรได้รับผลกระทบจนราคาไม่ดีเพียงพอที่จะทำให้ชาบ้านที่เป็นเกษตรกรมีชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีได้
ในช่วงบ่ายคณะของนายกรณ์ ลงพื้นที่กาดอุ้ยคำ หาเสียงเลือกตั้งซ่อม เขต 8 จังหวัดเชียงใหม่ อำเภอสันกำแพง จอมทอง ดอยหล่อ และแม่วาง ชาวบ้านให้การต้อนรับคึกคัก และขอบคุณนโยบาย “เบี้ยผู้สูงอายุ” ที่ริเริ่มโดยพรรคประชาธิปัตย์ตั้งแต่สมัยนายกฯ ชวน หลีกภัย
นอกจากนี้ตัวแทนชาวบ้านได้นำจดหมายยื่นข้อเสนอแนะให้นายกรณ์ นำนโยบาย “ประกันรายได้เกษตรกร” ของพรรคฯ ไปผลักดันให้เกิดผล ช่วยเหลือประชาชนและเกษตรกรที่ลำบากจากปัญหาปากท้อง เพื่อแก้ไขปัญหารายได้ และฟื้นฟูเศรษฐกิจรากฐานอย่างแท้จริงอย่างที่เคยทำมาแล้วในช่วงที่เป็นรัฐบาลในปี 2552-2554 ซึ่งในช่วงนั้นราคาสินค้าเกษตร และรายได้ของเกษตรกรค่อนข้างดี
นายกรณ์ กล่าวเสริมว่า แนวทางการบริหารจัดการที่มีประสิทธิภาพ จะต้องจัดให้มีการเชื่อมโยงระหว่างกระทรวงเกษตรฯ และกระทรวงพาณิชย์อย่างจริงจังเสียที โดยการบริหารจัดการร่วมกันกับกระทรวงการคลัง ซึ่งมีธกส. รัฐวิสาหกิจหลักเชื่อมโยงเกษตรกร และต้องบริหารจัดการให้มีภารกิจร่วมกันที่จะดูแลช่วยเหลือเกษตรกรทั้งระบบ และตอบโจทย์ต่อปัญหาของเกษตรกรไทย ตั้งแต่การปลูกไปจนถึงการขาย ตลอดจนการดูแลรายได้ของผู้ผลิตหรือคือเกษตรกรไทยอย่างครบวงจร