ไม่พบผลการค้นหา
'สกลธี' เดินตลาดน้ำวัดไทร-จอมทอง สะท้อนปัญหาปากท้อง ย้ำ กทม. ควรกระจายงบประมาณลงเขต แย้มเวทีปราศรัยใหญ่ 13 และ 22 พ.ค. นี้ ขณะยืนยันเดินหน้าฟ้อง 'อ.วิโรจน์-คำผกา' ชี้ปล่อยผ่านไม่ได้ เหตุเข้าข่ายสร้างความเกลียดชัง ย้ำไม่เคยเสียดายที่เป็น กปปส.

วันที่ 21 เม.ย. 2565 สกลธี ภัททิยกุล ผู้สมัครผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร (อิสระ) เบอร์ 3 ลงพื้นที่หาเสียงบริเวณตลาดน้ำวัดไทร และตลาดจอมทอง เขตจอมทอง พร้อมรับฟังปัญหาจากประชาชนและผู้ประกอบการในพื้นที่ ซึ่งส่วนใหญ่มีความกังวลเรื่องเศรษฐกิจที่ซบเซา และจำนวนลูกค้าในตลาดที่น้อยลง เนื่องจากผลกระทบจากโควิด-19 โดย สกลธี ได้เน้นย้ำถึงความสำคัญของการบริหารงบประมาณส่วนกลาง ให้กระจายลงไปตามพื้นที่ต่างๆ ให้มีความเหมาะสม เพราะแต่ละพื้นที่ก็มีปัญหาที่แตกต่างกันไป

สกลธี_10.jpg

"ที่ผ่านมา การจัดวางงบประมาณส่วนใหญ่จะไปเน้นกับโครงการใหญ่ หรือส่วนกลางเยอะ ทำให้งบประมาณที่กระจายลงมาในแต่ละเขต อาจจะถูกละเลย หากผมมีโอกาสได้เป็นผู้ว่าฯ กทม. ก็จะเข้าไปบริหารจัดการงบใหม่ ควรจะเกลี่ยงบไปแก้ไขปัญหาตามเขตให้มากขึ้น" สกลธี กล่าว

สำหรับผลสำรวจจากบางโพลที่ชี้ว่า กระแสนิยมของตน เริ่มไต่อันดับขึ้นมาแล้วนั้น สกลธี มองว่า โพลเป็นการสำรวจความเห็นจากประชาชนบางส่วนเท่านั้น จึงไม่ใช่เสียงสะท้อนทั้งหมด คำตอบที่แท้จริงอยู่วันที่ 22 พ.ค. เท่านั้น เพียงแต่กระแสจากโพลก็ถือเป็นกำลังใจ และเป็นสิ่งบ่งบอกว่าเราอยู่ตรงไหนแล้วตอนนี้

สกลธี.jpg

สกลธี ยังได้เผยรายละเอียดของการจัดเวทีปราศรัยใหญ่ที่กำลังจะมาถึง โดยเวทีแรกวันที่ 13 พ.ค. จะจัดขึ้นที่ลานคนเมือง เขตพระนคร และเวทีในวันที่ 22 พ.ค. จะจัดขึ้นบริเวณวงเวียนใหญ่ สำหรับทีมงานที่จะร่วมงานด้านนโยบาย ได้เปิดตัวมาแล้ว 3 ท่าน และมีแผนจะทยอยเปิดตัวท่านอื่นๆ อีกให้ครบ 10 คน


เดินหน้าฟ้อง 'อ.วิโรจน์-คำผกา'

สกลธี กล่าวถึง กรณีการเตรียมฟ้องร้องพิธีกร 'วอยซ์' คือ วิโรจน์ อาลี และ ลักขณา ปันวิชัย หรือ 'คำ ผกา' ตลอด 16 ปี ที่ตนอยู่บนเส้นทางการเมืองมา ไม่เคยคิดจะฟ้องร้องใครมาก่อน เพราะเข้าใจดีถึงความเป็นบุคคลสาธารณะของตนเอง 

แต่สำหรับกรณีของพิธีกรรายการ Talking Thailand นั้น ตนมองว่าเกินเลยไป เข้าข่ายสร้างความเกลียดชังต่อตนเอง หากผู้ชมที่ไม่เข้าใจบริบทแวดล้อม เข้ามารับฟังการวิจารณ์เช่นนั้น ก็อาจเกิดความเข้าใจผิดได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่ง ในช่วงที่มีการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม. จึงเป็นสถานการณ์ที่ตนไม่สามารถทนได้ 

สกลธี.jpg

“ปกติถ้าเป็นเรื่องเล็กๆ น้อยๆ หรือเป็นการแซะ ผมก็โดนบ่อย ตามเพจ หรืออะไรต่างๆ แต่เราก็ปล่อยผ่าน เพราะเราเข้าใจว่า คนที่คิดต่างทางการเมืองนั้นมี แต่เรื่องนี้ออกจะเกินเลยไป และเห็นว่าคงจะปล่อยผ่านไม่ได้”

ดังนั้น ในวันพรุ่งนี้ (22 พ.ค.) จึงได้ส่งทนายความไปฟ้องร้องพิธีกร 2 ท่านนั้น ที่ศาลอาญาฯ และให้กระบวนการยุติธรรมดำเนินไป หากมีกรณีเช่นนี้เกิดขึ้นมาอีก ตนก็จะฟ้องร้องต่อไป แล้วค่อยสู้กันตรงนั้น

“ผมไม่เคยปิดบัง หรือปฏิเสธอดีตของผม เพราะผมเชื่อมั่นในอุดมการณ์ของผมในช่วงนั้น แต่กรณีที่พูดถึงนี้ มีการด้อยค่า ใช้คำหยาบคาย กับคนที่เห็นต่างกัน ซึ่งผมไม่เห็นด้วย ไม่ว่าจะเป็นฝั่งไหนก็ตาม ยิ่งเป็นสื่อมวลชนควรต้องมีวิจารณญาณมากกว่าปกติ… คนที่เห็นต่างจากผมก็อาจจะไม่ได้เลือกผมอยู่แล้ว แต่บางคนที่ยังกลางๆ เข้ามาดู โดยไม่ได้ติดตามมาตั้งแต่ต้น ก็อาจจะเกิดแนวคิดที่ไม่ชอบตัวผมเข้ามาด้วย”

สกลธี.jpg

สกลธี ยังยืนยันว่า ไม่เคยเสียดายที่เข้าร่วมการชุมนุม กกปส. เมื่อ 8 ปีที่แล้ว เพราะในตอนนั้นมีความเชื่อมั่นในอุดมการณ์ และผลก็ได้พิสูจน์ออกมาแล้วว่า มีคนออกมาร่วมกันหลายล้านคน อีกทั้งผลของคดีความต่างๆ ก็ออกมาชัดเจน ตนจึงไม่มีความเสียดายในส่วนนั้นเลย