ครูซ ในสภาพใส่กุญแจมือและสวมชุดนักโทษสีแดง นั่งมอง เอลิซาเบธ เชอร์เรอร์ ผู้พิพากษา จากคอกโจทก์ ก่อนที่ผู้พิพากษาจะตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต 17 กระทง สำหรับการสังหารหมู่ในวันที่ 14 ก.พ. 2561 ในโรงเรียนมัธยมมาร์จอรี สโตนแมน ดักลาส ในเขตชานเมืองฟอร์ตลอเดอร์เดล ของมลรัฐฟลอริดา และอีก 17 กระทงสำหรับการพยายามฆ่าต่อผู้ได้รับบาดเจ็บ
แม้มลรัฐฟลอริดาจะยังคงมีโทษประหารชีวิต แต่ผู้พิพากษาเชอร์เรอร์ไม่มีทางเลือกอื่น นอกจากการตัดสินโทษจำคุกตลอดชีวิต เนื่องจากคณะลูกขุน ซึ่งใช้เวลาในการพิจารณาโทษต่อครูซกว่า 3 เดือนที่ผ่านมา ลงมติ 9 ต่อ 3 เมื่อวันที่ 13 ต.ค. ในการประหารชีวิตครูซ แต่กฎหมายของฟลอริดากำหนดให้การประหารชีวิตต้องอาศัยมติเป็นเอกฉันท์จากคณะลูกขุนเท่านั้น
ครูซรับทราบภายใต้การซักถามโดยผู้พิพากษาก่อนที่จะถูกตัดสินโทษออกมา แม้ว่าเขาใช้ยาแต่สามารถเข้าใจเหตุการณ์ได้ว่าเกิดมีอะไรขึ้นรอบตัว ทั้งนี้ ครูซเคยมีประวัติเข้ารับการรักษาอาการทางจิต อย่างไรก็ดี ครูซมีพฤติกรรมโพสต์รูปภาพตนเองกับอาวุธทั้งปืนและมีดหลายชนิดอยู่บ่อยครั้ง ครูซยังมีพฤติกรรมเหยียดเชื้อชาติ สีผิว เพศ และต่อต้านศาสนาอิสลามอีกด้วย
การพิจารณาคดีเกิดขึ้น 2 วันให้หลังจากพ่อแม่ ภรรยา พี่น้อง และผู้ใกล้ชิดของผู้เสียชีวิต และผู้บาดเจ็บบางส่วนที่รอดชีวิต ได้ขึ้นให้การต่อชั้นศาลบริเวณคอกพยาน ซึ่งห่างออกไป 20 ฟุต เพื่อคุยกับครูซแบบเห็นหน้ากัน ทั้งนี้ ผู้พิพากษาชมเชยครอบครัวและผู้บาดเจ็บที่เป็นพยานว่า พวกเขาเข้มแข็ง สง่างาม และอดทน “ดิฉันรู้ว่าคุณจะไม่เป็นไร เพราะคุณมีกันและกัน” เชอร์เรอร์กล่าว
ในระหว่างการขึ้นกล่าวบนศาลถึงผลกระทบของเหยื่อ สมาชิกในครอบครัวหลายคนวิพากษ์วิจารณ์กฎหมายมลรัฐฟลอริดา ที่กำหนดให้คณะลูกขุนต้องมีความเห็นเป็นเอกฉันท์ในการลงโทษประหารชีวิต โดย ลินดา เบเกล ชูลแมน แม่ของ สกอตต์ เบเกล ครูในโรงเรียนมัธยมที่เกิดเหตุ พูดถึงการแก้แค้น ในขณะที่เธอหันหน้าไปเผชิญกับครูซ
“ความยุติธรรมที่แท้จริงจะเกิดขึ้นได้ หากทุกครอบครัวที่นี่ได้ใช้กระสุนปืน และ AR-15 ของคุณ และเราต้องเลือกพวกมันขึ้นมา และเราแต่ละคนได้ยิงมันใส่คุณทีละคน เพื่อให้แน่ใจว่าคุณจะรู้สึกถึงมันในทุกๆ มุม และความกลัวของคุณจะยังคงเพิ่มพูนขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่งสมาชิกในครอบครัวคนสุดท้ายที่จ่อปืนนัดสุดท้ายนั้น มีสิทธิ์ที่จะทำให้แน่ใจว่าพวกเขาจะฆ่าคุณ” เบเกล ชูลแมน ระบุ พร้อมกล่าวเสริมว่า “นั่นคือความยุติธรรมที่แท้จริงสำหรับคุณ” ทั้งนี้ ครูซจ้องไปที่ญาติของเหยื่อ แต่เขาแสดงอารมณ์เพียงเล็กน้อยเหมือนในการฟังการพิจารณาคดีเมื่อวันก่อน
เมื่อ เจนนิเฟอร์ กัตเทนเบิร์ก แม่ของเหยื่ออย่าง เจมี่ กัตเทนเบิร์ก ลุกขึ้นพูด เธอเริ่มด้วยการกล่าวถึงครูซ ที่ซ่อนใบหน้าและสีหน้าของเขาเอาไว้หลังหน้ากากอนามัยสีฟ้า เพื่อกระตุ้นให้ครูซถอดหน้ากากออกมาเผชิญหน้ากับเธอ
เบเกล ชูลแมน กล่าวว่าเธอรู้สึกสบายใจ เมื่อรู้ว่าครูซกำลังมุ่งหน้าไปสู่เรือนจำ ที่มีการรักษาความปลอดภัยสูงสุด ซึ่งครูซจะต้องกังวลตลอดเวลาเกี่ยวกับความปลอดภัยของเขาตลอดชีวิตที่เหลืออยู่ในเรือนจำ “จากที่ฉันได้ยินมา พวกฆ่าเด็กมักจะถูกเกลียดชังในคุก” เบเกล ชูลมัน กล่าวต่อครูซ “ฉันจะยินดีกับวันที่ฉันได้รับแจ้งว่าคุณถูกทรมาน และถูกเอาตัวออกมา จากการฆาตกรรมที่โหดร้าย เลือดเย็น คิดไว้ล่วงหน้า เล็งเห็นผล และแสนชั่วร้ายของคุณ เพราะคุณสมควรได้รับมันอยู่ไม่น้อย”
เดวิด อัลฮาเดฟฟ์ ลุงของ อาลิสซา อัลฮาเดฟฟ์ กล่าวต่อครูซผ่านโปรแกรมซูม จากห้องเรียนของเขาในมลรัฐแมริแลนด์ว่า เขาสมควรได้รับ “โอกาสในการเน่าตาย” ไปในคุก “คุณสมควรได้รับโอกาสที่จะซึมซับความหวาดกลัวบนใบหน้าของคุณ เมื่อคุณออกจากห้องพิจารณาคดีนี้” อัลฮาเดฟฟ์กล่าว “คุณสมควรได้รับโอกาสที่จะรู้ว่า ความยุติธรรมจะมีชัยเมื่อมันมาถึงจุดหนึ่ง ซึ่งมันจะทำให้คุณปวดร้าวครั้งใหญ่ในทุกนาที ในวันต่อวัน”
ที่มา: