ไม่พบผลการค้นหา
โจ ไบเดน ประธานาธิบดีสหรัฐฯ ตอกย้ำข้อเรียกร้องของตนอีกครั้ง ในวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา (24 พ.ย.) ถึงการออกกฎหมายห้ามอาวุธจู่โจมในสหรัฐฯ หลังจากการเกิดเหตุกราดยิงที่ไนท์คลับเกย์ บริเวณพื้นที่โคโลราโดสปริงส์ในวันเสาร์ที่ผ่านมา (19 พ.ย.) และห้างสรรพสินค้าวอลมาร์ตในเมืองเชสพีก มลรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันอังคารที่ผ่านมา (22 พ.ย.) ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 11 ราย

ขณะการเดินทางเยี่ยมหน่วยดับเพลิงบนเกาะแนนทัคเก็ต มลรัฐแมสซาชูเซตส์ เพื่อขอบคุณเจ้าหน้าที่กู้ภัยในวันขอบคุณพระเจ้าที่ผ่านมา ไบเดนบอกกับผู้สื่อข่าวว่าตนจะพยายามผ่านรูปแบบต่างๆ เพื่อการออกกฎหมายควบคุมอาวุธปืน ก่อนที่รัฐสภาชุดใหม่หลังการเลือกตั้งกลางสมัยที่ผ่านมา จะเข้ามาปฏิบัติหน้าที่ในเดือน ม.ค.นี้ ซึ่งจะเป็นการต่ออายุในความพยายามของไบเดน และพรรคเดโมแครตของตนเพื่อการห้ามอาวุธจู่โจม ที่เป็นต้นเหตุของเหตุกราดยิงในหลายกรณีของสหรัฐฯ

“แนวคิดที่ว่าเรายังคงอนุญาตให้ซื้อขายอาวุธกึ่งอัตโนมัตินั้นไม่ดีเลย มันแย่มาก มันไม่มี ไม่มีค่าไถ่ทางสังคม มันเป็นศูนย์ ไม่มีเลย มันไม่มีเหตุผลอะไรเลย ที่จะยกเว้นให้โรงงานผลิตปืนได้รับผลกำไรจากเรื่องนี้” ไบเดนกล่าว “ผมจะพยายาม ผมจะพยายามที่จะกำจัดอาวุธจู่โจมไปให้ได้” ไบเดนย้ำ

จากข้อมูลของ Gun Violence Archive เปิดเผยว่า เหตุกราดยิงในโคโลราโดสปริงส์และเชสพีก เป็นเหตุกราดยิง 2 ครั้งจากเหตุกราดยิงมากกว่า 600 ครั้งที่เกิดขึ้นในสหรัฐฯ ปีนี้ โดยการให้การจำกัดความเหตุกราดยิง กำหนดให้ต้องมีผู้ถูกยิงหรือถูกสังหาร 4 รายขึ้นไป โดยไม่รวมมือปืน

สหรัฐฯ เกิดเหตุกราดยิงหลายครั้งทั่วประเทศในช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (20 พ.ย.) ประชาชนจำนวน 4 คนในมลรัฐโอคลาโฮมาถูกยิงที่ฟาร์มกัญชา ในขณะเดียวกัน แม่และลูกทั้งสามของเธอถูกสังหารในเมืองริชมอนด์ มลรัฐเวอร์จิเนีย เมื่อวันศุกร์ที่แล้ว (18 พ.ย.)

ความพยายามของประธานาธิบดีสหรัฐฯ ในการห้ามอาวุธจู่โจมจะทำได้ยากขึ้นในปีหน้า หลังพรรครีพับลิกันสามารถควบคุมเสียงข้างมากในสภาผู้แทนราษฎรสหรัฐฯ หลังชนะการเลือกตั้งกลางสมัยไปได้ ทั้งนี้ ในเดือน ก.ค.ที่ผ่านมา สภาผู้แทนราษฎรที่มีพรรคเดโมแครตเป็นเสียงข้างมาก ได้ผ่านร่างกฎหมายห้ามการใช้อาวุธจู่โจมสำเร็จ แต่ร่างกฎหมายดังกล่าวกลับถูกคว่ำโดยวุฒิสภาสหรัฐฯ ในเวลาต่อมา

ครั้งสุดท้ายที่รัฐสภาสหรัฐฯ ผ่านกฎหมายการห้ามใช้อาวุธจู่โจมเกิดขึ้นในปี 2537 โดยจากผลการศึกษาในปี 2562 ของวารสาร Journal of Trauma and Acute Care Surgery พบว่า จำนวนผู้เสียชีวิตจากปืนลดลงในขณะที่กฎหมายดังกล่าวมีผลบังคับใช้อยู่ ทั้งนี้ กฎหมายฉบับดังกล่าวหมดอายุลงไปแล้วในปี 2547 

ไบเดนยังกล่าวถึงเหตุกราดยิงในเมืองเชสพีก ซึ่งผู้จัดการของห้างวอลมาร์ตได้ยิงเพื่อนร่วมงาน 6 คนในวันอังคารที่ผ่านมา ก่อนที่จะยิงปืนปลิดชีพตัวเองตายตามว่า “เนื่องจากการกระทำรุนแรงที่น่าสยดสยองและไร้สติอีกครั้ง ขณะนี้มีโต๊ะมากขึ้นในทั่วประเทศ ที่จะมีที่นั่งว่างลงในวันขอบคุณพระเจ้านี้” ไบเดนกล่าว


ที่มา:

https://www.theguardian.com/us-news/2022/nov/24/joe-biden-guns-assault-weapons-ban?CMP=Share_iOSApp_Other&fbclid=IwAR2WJn6os9Dx5JsKbE711_Yp4twjaQDEzb7jYXNr57YmuEwt-AIEA21jlPU