พล.อ.บุญธรรม โอริส รองเลขานุการคณะกรรมาธิการท่องเที่ยว ชี้แจงถึงกระแสวิพากวิจารณ์ การแต่งตั้ง พล.อ.ปรีชา จันทร์โอชา อดีตปลัดกระทรวงกลาโหม และ น้องชาย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เป็น กรรมาธิการท่องเที่ยวว่า สืบเนื่องจาก มีตำแหน่งในกรรมาธิการว่างลง พล.อ.ปรีชา จึงอาสาเข้ามาทำงานในคณะกรรมการชุดนี้ ยืนยันว่าไม่ได้มีใครตั้งใคร แต่เป็นการสมัครใจเข้ามาทำงาน เนื่องจากวิธีการเลือกคณะกรรมาธิการ คือ เอาคนที่สมัครใจและมีทักษะในด้านนี้มาแล้ว ซึ่งกรรมาธิการคนหนึ่ง สามารถเลือกทำงานได้ 2 คณะ เช่นของตนเลือกการบริหารราชการแผ่นดินและการท่องเที่ยว
เมื่อถามว่า มีการตั้งข้อสังเกตว่า มีอดีตนายทหารหลายคนนั่งเป็นคณะกรรมการท่องเที่ยว พล.อ.บุญธรรม กล่าวว่า คณะกรรมาธิการชุดนี้ มีทั้งหมด 19 คน 14 คน เป็น สมาชิกวุฒิสภา และ อีก 5 คนเป็นพลเรือน โดยทั้งหมดมีความรู้ความสามารถ และคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวทำงานกันมานานแล้วไม่ใช่พึ่งมี เพียงแต่ว่าพอมี พล.อ.ปรีชา เข้ามาเป็น กรรมธิการ อีกคน ก็กลายเป็นเรื่องเป็นราว ทั้งนี้ต้องให้ความเป็นธรรมกับ 12 นายพล ที่นั่งอยู่ในคณะกรรมาธิการท่องเที่ยวด้วย อยากให้ไปดูโปรไฟล์ของแต่ละท่านว่าผ่านงานอะไรมาบ้าง แต่ละท่านเป็นคนเก่งและมีประสบการณ์ในส่วนของตน ทำงานด้านการท่องเที่ยวมาโดยตลอดตั้งแต่ปี 2550 เป็นกรรมาธิการท่องเที่ยวสภา ช่วงที่ยังไม่มีรัฐประหารมาด้วยซ้ำ ทุกท่านมีองค์ความรู้ เราทำงานปิดทองหลังพระตลอด
พล.อ.บุญธรรม ยังกล่าวอีกว่า เรามีหน้าที่ติดตามเร่งรัด ตรวจสอบ เสนอแนะฝ่ายรัฐบาล ซึ่งเป็นไปตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 270 เรื่องเร่งรัดการปฏิรูปประเทศช่วง 5 ปีแรก เพื่อให้สอดคล้องยุทธศาสตร์ 10 ปี ที่รัฐบาลกำหนดไว้ แต่เมื่อเกิดปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 เราต้องปรับเปลี่ยนการทำงานใหม่ด้วยการเสนอรัฐบาลว่าควรทำอย่างไร เพื่อให้การท่องเที่ยวสอดคล้องกับสถานการณ์ปัจจุบัน เราประชุมผ่านระบบวิดีโอคอนเฟอเรนซ์กันทุกวัน โดยที่ผ่านมาเราเสนอแนะไปหลายเรื่อง ทั้งการใช้งบประมาณเพื่อไปดำเนินการแก้ไขปัญหาการแพร่ระบาดไวรัสโควิด-19 หรือแม้แต่กระทั่งไม่เห็นด้วยในการที่รัฐบาลกู้เงิน 1 ล้านล้านบาท เราอยู่เบื้องหลังการทำงานทั้งหมด แต่ไม่เคยไปโปรโมตตนเอง และการทำงานแต่ละครั้ง ไม่เคยมีเบี้ยเลี้ยง หรือ งบประมาณ เราใช้เงินเดือนของแต่ละคน
อ่านเพิ่มเติม