ไม่พบผลการค้นหา
กรมชลประทานย้ำทุกภาคส่วนช่วยกันประหยัดน้ำ หลังหลายหน่วยงานเตือนมีแนวโน้มฝนตกน้อยโดยเฉพาะช่วงเดือน ส.ค. - ก.ย. ส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆ น้อยตามไปด้วย

นายทวีศักดิ์ ธนเดโชพล รองอธิบดีกรมชลประทาน เปิดเผยว่า จากการคาดหมายกรมอุตุนิยมวิทยาว่าปริมาณฝนรวมของประเทศไทยในช่วงฤดูฝนนี้จะน้อยกว่าค่าปกติร้อยละ 5-10 ซึ่งน้อยกว่าปีที่ผ่านมา โดยในช่วงครึ่งเดือนแรกของเดือน ก.ค. จะมีปริมาณฝนตกน้อยในหลายพื้นที่โดยจะส่งผลให้มีปริมาณน้ำไหลลงอ่างเก็บน้ำต่างๆ น้อยจำเป็นต้องวางแผนใช้น้ำอย่างระมัดระวังตั้งแต่ตอนนี้

ขณะที่สถานการณ์น้ำในอ่างเก็บน้ำขนาดใหญ่และขนาดกลางทั่วประเทศปัจจุบัน 9 ก.ค. 2562 มีปริมาณน้ำในอ่างฯ รวมกันทั้งสิ้น 37,162 ล้านลูกบาศก์เมตร(ล้านลบ.ม.) คิดเป็นร้อยละ 49 ของความจุอ่างฯ รวมกันมีปริมาณน้ำใช้การได้ 13,238 ล้านลบ.ม. สามารถรับน้ำได้อีก 38,907 ล้านลบ.ม. เฉพาะลุ่มน้ำเจ้าพระยาปริมาณน้ำใน 4 เขื่อนหลัก ประกอบด้วย เขื่อนภูมิพล เขื่อนสิริกิติ์ เขื่อนแควน้อยบำรุงแดน และเขื่อนป่าสักชลสิทธิ์ มีปริมาตรน้ำรวมกันประมาณ 8,680 ล้านลบ.ม. หรือคิดเป็นร้อยละ 35 ของความจุอ่างฯ ทั้งหมดมีปริมาณน้ำใช้การได้รวมกันประมาณ 1,984 ล้านลบ.ม. สามารถรองรับปริมาณน้ำตลอดในช่วงฤดูฝนนี้ได้รวมกันอีกกว่า 16,191 ล้านลบ.ม.

อย่างไรก็ตามได้ประชาสัมพันธ์และวางมาตรการเพื่อรองรับสถานการณ์ โดยพื้นที่ที่ยังไม่ได้ทำการเพาะปลูกข้าวได้เน้นย้ำให้โครงการชลประทานทุกแห่งทำการประชาสัมพันธ์แนะนำให้เกษตรกรทยอยเพาะปลูกตามปริมาณฝนที่ตกในพื้นที่ ส่วนพื้นที่ที่ได้ทำการเพาะปลูกไปแล้วกรมชลประทานจะดำเนินการส่งน้ำแบบประณีตด้วยวิธีเปียกสลับแห้ง ซึ่งจะส่งน้ำแบบรอบเวรหมุนเวียนในแต่ละพื้นที่ เพื่อให้มีปริมาณเพียงพอต่อการใช้น้ำของทุกภาคส่วน

นอกจากนี้ในส่วนของการจัดรอบเวรสูบน้ำของสถานีสูบน้ำต่างๆ นั้น เน้นย้ำให้สูบน้ำตามรอบเวรของตนหรือสูบเท่าที่จำเป็นเท่านั้น ทั้งนี้หน่วยงานชลประทานจะประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกีายวข้อง เช่น กฟผ. และผู้แทนกลุ่มผู้ใช้น้ำ เพื่อร่วมกันพิจารณาแนวทางการจัดสรรน้ำจากเขื่อนให้เป็นไปอย่างทั่วถึง และเป็นธรรม