ไม่พบผลการค้นหา
‘ชูศักดิ์’ มองเอ็มโอยูร่วมรัฐบาลไปต่อได้ หลังตกผลึกร่วมกันแล้ว หวั่นใส่ ม.112 จะกระทบสังคมจนบานปลาย ชี้กระแสควบรวม พปชร. เข้า ‘เพื่อไทย’ ไม่เป็นความจริง ถ้าทำไม่เคารพเสียงประชาชน ยัน 100% เพื่อไทย” หนุน ‘ก้าวไกล-พิธา’ เป็นนายกฯ

วันที่ 23 พ.ค. 2566 ชูศักดิ์ ศิรินิล รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุถึงเอ็มโอยูร่วมจัดตั้งพรรคร่วมรัฐบาลก้าวไกลที่มีการแก้ไขเพิ่มเติมแล้วว่า เป็นหลักการบริหารแผ่นดินภาพกว้าง แต่เน้นตรงจุดที่คิดว่าเป็นเรื่องสำคัญและถือเป็นนโยบายร่วมกัน เช่น เรื่องรัฐธรรมนูญ ฟื้นฟูประชาธิปไตย จัดทำรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ของประชาชน โดยมีสมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ (ส.ส.ร.) ที่มาจากการเลือกตั้งโดยตรงของประชาชน - เรื่องสมรสเท่าเทียม - เรื่องการใช้งบประมาณฐานศูนย์เป็นต้น ซึ่งตนเชื่อว่าทุกอย่างจะดำเนินการต่อไปได้ เพราะทุกฝ่ายคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว เพียงแต่บางเรื่องที่เห็นไม่ตรงกัน ก็ปล่อยให้เป็นสิทธิของพรรคการเมืองนั้นๆ ที่อาจนำเสนอผ่านกระบวนการบริหาร หรือกระบวนการสภาในขั้นตอนต่อไป

ส่วนเรื่องมาตรา 112 ที่หลายฝ่ายให้ความสนใจ แต่ไม่มีระบุลงไปในร่างบันทึกความเข้าใจฉบับดังกล่าว ชูศักดิ์ บอกจากที่คุยกันคิดว่าเรื่องดังกล่าวมันจะเป็นเรื่องที่กระทบต่อความเห็นทางการเมือง ความแตกต่างทางความคิดของคน เราก็ค่อนข้างระวัง เกรงว่าจะมีปัญหาบานปลายไปสู่ความขัดแย้งในสังคม 

เช่นเดียวกับกฎหมายนิรโทษกรรม ที่ก็ไม่มีระบุลงไปในร่างนี้ จึงทำให้หลายคนมองว่าทำเพื่อบุคคลใดบุคคลหนึ่งหรือไม่นั้น ชูศักดิ์ มองกรณีนี้มีปัญหามาโดยตลอดว่าคดีจากความคิดเห็นทางการเมืองมันมีความหมายอย่างไร และมักไปนำไปสู่ความเห็นแตกต่าง ความขัดแย้ง แต่ที่พรรคเพื่อไทยไม่อยากให้เขียนไว้ ก็เพราะว่าเรามักจะตกเป็นจำเลย ว่าเราทำเรื่องนี้เพื่ออะไรหรือเพื่อใคร ปล่อยให้ไปว่ากันในขั้นตอนอื่นจะดีกว่า “เป็นเพียงการห่วงใยต่อการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ มีอะไรไปทำให้เกิดความขัดแย้งในสังคมมากขึ้น อะไรที่หลีกได้ก็จะดีกว่า” 

เมื่อถามถึงการเคลื่อนไหวกดดันสมาชิกวุฒิสภา (ส.ว.) ให้ทำตามมติเสียงประชาชน ชูศักดิ์ บอกต้องมองด้วยความเป็นกลาง มองว่าอยากให้วิถีทางประชาธิปไตยได้เดินต่อไป ที่ผ่านมามีกับดักมากมาย ตัวอย่างของสมาชิกวุฒิสภา การเขียนอนุญาตให้มีสิทธิโหวตเลือกนายกรัฐมนตรีได้นั้นมีวัตถุประสงค์อะไร หรือเพียงต้องการให้มีระบบสืบทอดอำนาจ และตอนนี้ต้องคิดว่ายังอยากให้ระบบนี้เดินต่อไปอีกหรือไม่ ผลการเลือกตั้งของคนทั้งประเทศสะท้อนว่าควรหมดได้แล้ว เขาไม่เอาระบบสืบทอดอำนาจแล้ว

“ขอร้องว่าท่านก็เป็นผู้มีวุฒิภาวะ เสียงประชาชนบ่งบอกแล้วว่าประชาชนต้องการอะไร ต้องการการเปลี่ยนแปลง หลุดพ้นความขัดแย้ง หลุดดำการเมืองที่วางไว้ ไม่ต้องการสืบทอดอำนาจ คะแนนที่ออกมามันชัดเจน” 

รองหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ยังโต้กระแสข่าวที่ระบุว่าจะมีการยุบพรรคพลังประชารัฐ แล้วมารวมกับพรรคเพื่อไทยจัดตั้งรัฐบาลว่า ไม่มีทางเกิดขึ้นแน่นอน ว่าปัจจุบันในกฎหมายไม่มีระบุเรื่องการยุบพรรค แต่เป็นการเลิกพรรคการเมือง ซึ่งก็เป็นเรื่องที่เคยเกิดขึ้นมาแล้วกับพรรคการเมืองหนึ่งก่อนหน้านี้ ซึ่งเมื่อเลิกพรรคการเมืองแล้วสมาชิกในพรรคก็จะสามารถย้ายไปเข้าสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้ กับอีกวิธีหนึ่งคือการขับออกจากพรรคการเมือง ซึ่งก็จะมีเวลาให้บุคคลนั้นไปสมัครเข้าสังกัดพรรคการเมืองอื่นได้เช่นกัน แต่วิธีการทั้งหมดนี้ ตนมองว่า เป็นวิธีการที่ไม่เคารพเสียงประชาชนเนื่องจากประชาชนเลือกพรรคการเมืองเลือกบุคคลของพรรคนี้มาแล้วจนชนะการเลือกตั้ง 

“หากพรรคเพื่อไทยรับข้อตกลงหรือวิธีการแบบนี้จากพรรคที่เลิกพรรคการเมืองหรือยุบพรรคมา ก็จะเป็นพรรคที่มีแนวทางดำเนินการที่พังตั้งแต่แรก และอาจจะเป็นพรรคต่ำสิบในอนาคต”

ชูศักดิ์ ยังยืนยันถึงกระแสข่าวดีลจัดตัั้งรัฐบาลที่ฮ่องกง ว่า เรื่องนี้ก็ไม่เป็นความจริง พรรคเพื่อไทยยังคงเคารพเสียงของประชาชนและยังคงยืนยันหนักแน่นว่าจะสนับสนุนพรรคก้าวไกลที่คะแนนเป็นอันดับหนึ่ง และสนับสนุนให้ พิธา ลิ้มเจริญรัตน์ เป็นนายกรัฐมนตรี ร้อยเปอร์เซ็นต์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง