นายอภิสิทธิ์กล่าวถึงปัญหาราคายางพาราที่ตกต่ำว่า ที่ผ่านมาตนและพรรคประชาธิปัตย์เคยพยายามนำเสนอหลายมาตรการเพื่อยกระดับราคายางพาราเพื่อช่วยเหลือประชาชนที่เดือดร้อนแต่ไม่มีการนำไปสู่การปฏิบัติจริง พร้อมยกตัวอย่างว่า หากมีการนำยางพาราไปใช้ในโครงการของภาครัฐ เช่น ในการก่อสร้างถนนหรือสนามกีฬาก็จะช่วยดูดซับยางพาราออกไปจากตลาดได้จำนวนหนึ่ง หรือการพัฒนากระบวนการการแปรรูปและเพิ่มมูลค่ายาง
"คือที่ผ่านมามันมีหลายมาตรการมากที่ทางผม ทางพรรคประชาธิปัตย์ แล้วก็หลายภาคส่วน นำเสนอเพื่อจะให้ยกระดับราคายางพารา ซึ่งพี่น้องชาวสวนยางชาวใต้ก็เดือดร้อนมาต่อเนื่องยาวนาน ก็น่าเสียดายว่าหลายเรื่องมันไม่นำไปสู่การปฏิบัติจริง" นายอภิสิทธิ์กล่าว
เมื่อพูดถึงประเด็น 'บัตรคนจน' นายอภิสิทธิ์ให้ความเห็นว่าตนสนับสนุนให้มีระบบสวัสดิการที่จะช่วยดูแลผู้มีรายได้น้อย อย่างไรก็ตาม นายอภิสิทธิ์เองได้ชี้ถึงปัญหา 3 ประการของบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ หรือบัตรคนจน ซึ่งประกอบไปด้วย
(1) หลักเกณฑ์ที่ไม่แน่นอนในการคัดเลือกผู้ที่ได้รับสิทธิ์ ซึ่งอาจทำให้ประชาชนที่มีรายได้น้อยบางส่วนตกสำรวจ
(2) การขาดการติดตามตรวจสอบ ทำให้ประชาชนซึ่งอาจจะไม่เข้าเกณฑ์ก่อนหน้านี้ และอาจจะเผชิญเหตุการณ์บางอย่างที่เขาจำเป็นต้องได้รับความช่วยเหลือจากทางภาครัฐ ไม่มีโอกาสที่จะเข้ามาสู่ระบบตรง
(3) ระบบการรูดบัตรในบางร้านค้าซึ่งนอกจากจะทำให้เศรษฐกิจไม่หมุนเวียนแล้ว ยังอาจจะกระทบกับร้านค้าอื่นๆโดยเฉพาะร้านค้าและตลาดสดหรือร้านเล็กๆ ของคนยากคนจนในชุมชนนั้นๆ พร้อมเสนอว่าควรเปลี่ยนการรูดบัตรมาเป็นการโอนเงินเข้าบัญชี หรือหาทางให้ประชาชนสามารถจับจ่ายใช้สอยได้คล่องตัว
ทางด้าน 'เจ้าสัว' บุญเกียรติ แห่งเครือสหพัฒน์ฯ พูดถึงกำลังซื้อและเศรษฐกิจของประเทศว่าจากตัวเลขของหลายๆบริษัทนั้น กำลังซื้อของประชาชนเองไม่ได้ดีขึ้น แต่ก็ไม่ถึงกับแย่ลง และไม่ตรงกับที่หลายคนออกมาพูดว่าเศรษฐกิจดีขึ้น พร้อมกับเสริมว่าบัตรคนจนที่รัฐบาลออกมาเพื่อช่วยเหลือประชาชนนั้นก็ไม่ได้ทำให้มีการจับจ่ายใช้สอยที่มากขึ้นแต่อย่างใด
เจ้าสัวทิ้งท้ายว่า ตอนนี้อาจมีหลายมาตรการที่ควบคุมธุรกิจเกินไปจนอาจทำให้เศรษฐกิจไม่ลื่นไหลเหมือนดังตัวเลขของนักวิชาการ
“ผมว่ากระตุ้น แต่กระตุ้นแบบเบาๆ จนธุรกิจส่วนใหญ่อาจจะไม่ค่อยรู้สึก อาจจะธุรกิจบางอย่าง สินค้าบางตัว อาจจะดีขึ้น” เจ้าสัวบุญเกียรติกล่าว
ข่าวที่เกี่ยวข้อง: