นพดล ปัทมะ ประธานคณะกรรมการนโยบายและวิชาการพรรคเพื่อไทย กล่าวว่าในรอบหลายปีที่ผ่านมา ผลสำเร็จของการปฏิรูปการศึกษายังไม่เกิดขึ้นอย่างน่าพอใจ ที่พอจะเห็นชัดมี 2 เรื่องคือการผ่านกฎหมายการศึกษาปฐมวัย และการจัดตั้งกองทุนเพื่อความเสมอภาคทางการศึกษา แต่นอกนั้นแล้วผลสัมฤทธิ์ในเรื่องใหญ่ๆ ยังไม่ชัดโดยเฉพาะเรื่องการยกระดับคุณภาพการศึกษา ซึ่งเห็นได้จากการวัดผลจากคะแนนโอเน็ต การทดสอบนานาชาติทางด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ และการอ่านที่เรียกว่า pisa คะแนนและอันดับของไทยก็ลดลงและล่าสุดการทดสอบความสามารถทางภาษาอังกฤษของไทยในปี 2563 ประเทศไทยอยู่ลำดับ 89 จาก 100 ประเทศ ตกลง 15 ลำดับจากปี 2562 ที่อยู่ลำดับที่ 74 และแทบรั้งท้ายในอาเซียน
ดังนั้น ถ้าดูจากผลทดสอบข้างต้น ประกอบกับคุณภาพการเรียนการสอน หลักสูตร การสร้างให้คนไทยมีทักษะศตวรรษที่ 21 เด็กสามารถคิด วิเคราะห์ หรือ critical thinking ได้ และความจำเป็นที่ต้องเน้นด้านวิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ คอมพิวเตอร์ เพื่อให้มีทุนมนุษย์สำหรับการพัฒนาเทคโนโลยีและนวัตกรรม เพื่อให้ประเทศแข่งขันได้ จะเห็นว่าผู้รับผิดชอบระดับนโยบายทางด้านการศึกษายังมีงานเยอะมากที่ต้องทำ แต่ตนคงไม่คาดหวังอะไรมาก เพราะพอจะประเมินได้จากการดำเนินการที่ผ่านมา แต่ก็ขอเอาใจช่วยให้สำเร็จในเรื่องใหญ่ๆมากกว่านี้ กำหนดทิศทางให้ชัด จัดลำดับปัญหาให้ดีว่าควรทำอะไรก่อนหลัง ระดมความร่วมมือจากทุกภาคส่วนให้ได้ ที่สำคัญมีความสามารถต้องเอาออกมาใช้ ใช้ความพยายามเพิ่มเป็นสองหรือสามเท่า เนื่องจากประเทศต้องการพัฒนาทุนมนุษย์เป็นการด่วน เริ่มจากการยกระดับคุณภาพการศึกษาอย่างก้าวกระโดด
"พรรคเพื่อไทยยกเรื่องการพัฒนาทุนมนุษย์เพื่อเพิ่มขีดความสามารถด้านการแข่งขันของประเทศเป็นวาระแห่งชาติและเตรียมนโยบายและแนวทางไว้แล้วเพื่อเสนอต่อพี่น้องประชาชนในโอกาสต่อไป"