ที่ห้องพิจารณา 909 ศาลอาญา ถ.รัชดาภิเษก ศาลนัดสืบพยานจำเลยนัดแรก คดีก่อการร้ายหมายเลขดำ อ.2542/53 ที่พนักงานอัยการคดีพิเศษ1 เป็นโจทก์ฟ้องนายวีระกานต์ มุสิกพงศ์ อดีตประธานแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติ หรือ นปช. ,นายจตุพร พรหมพันธุ์ ประธาน นปช. ,นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการ นปช. ,นพ.เหวง โตจิราการ ,นายยศวริศ ชูกล่อม หรือเจ๋ง ดอกจิก ,นายอริสมันต์ พงษ์เรืองรอง แกนนำ นปช.กับพวกรวม 24 คน เป็นจำเลยที่ 1- 24 เป็นจำเลยในความผิดฐานร่วมกันก่อการร้าย และข้อหาอื่นๆ กรณีกลุ่ม นปช.ชุมนุมขับไล่รัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรี เมื่อปี 2553 จำเลยทั้งหมดให้การปฏิเสธข้อกล่าวหา ซึ่งวันนี้จำเลยส่วนใหญ่ซึ่งได้รับการประกันตัว เพราะเดินทางมาศาลตามนัด
นายจตุพร ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีการนับคะแนนบัญชีรายชื่อของ กกต. ว่า กกต. มีความไม่ชัดเจนมาตั้งแต่ต้น ความจริงต้องศึกษาข้อกฎหมายให้เสร็จสิ้นตามกระบวนความ ก่อนที่จะจัดการการเลือกตั้ง ไม่ใช่ว่าเลือกตั้งเสร็จ มาควานหาว่าวิธีการคิดเป็นอย่างไร ดังนั้นทุกอย่างนำไปสู่ความไม่น่าเชื่อถือ ไม่ว่าคิดมุมใด แม้กระทั่งข้อเสนอล่าสุดที่ว่า พรรคใดไม่ได้ ส.ส.เขต จะมาคำนวณบัญชีรายชื่อไม่ได้ นี่จะเป็นปัญหาใหม่ขึ้นมา เพราะทุกคนไม่เคยมีความชัดเจนในเรื่องนี้กันมาก่อน เพราะต่างเข้าใจกันว่าอยู่ที่จำนวนเสียง ตนเองเห็นว่าบ้านเมืองมาถึงจุดที่ว่า เหนือกว่าเรื่องการนับคะแนน การจัดการบัญชีรายชื่อ คือ การจัดการเลือกตั้ง ไม่เป็นไปด้วยความสุจริต และเที่ยงธรรม ตามคำขวัญของ กกต. และการประกาศผล
"มีความจงใจให้ตัวเลขไม่เท่ากัน เพราะว่ามันไม่มีเหตุผลเป็นอย่างอื่น ในการบวกลบคูณหาร เพราะจำนวนยอดผู้มาใช้สิทธิทั้งสองครั้งที่ได้มีการแถลงข่าวในวันที่ 24 และ 28 มี.ค. 2562 นั้น ต่างกันถึง 4 ล้าน ตนไม่เชื่อว่า กกต.จะผิดพลาดถึงขนาดนั้น ขอตั้งข้อสงสัยว่าเป็นความตั้งใจวางประเด็นกันไว้หรือไม่ รวมถึงประเด็นเรื่อง บัตรดี กับคะแนนพรรคการเมืองห่างกันถึงสองล้าน ตนว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็นปัญหาที่จะต้องคิดกันต่อว่า กกต.ทำไปเพื่ออะไร ตัวเลขให้เท่ากันสองยอดไม่ใช่เรื่องที่ยาก แต่เหมือนกับจงใจให้ตัวเลขสองยอดไม่เท่ากัน ซึ่งก็ต้องคิดกันต่อว่าทำไปเพื่ออะไร ที่มากกว่าเรื่องบัญชีรายชื่อคือ การเลือกตั้งทั้งระบบมันหมดความน่าเชื่อถือไปแล้ว" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวอีกว่า ความจริงการนับคะแนนต้องมีการถ่ายภาพกระดานที่นับ ไม่ใช่ว่าแค่ส่งเข้าแอปฯ เป็นตัวเลขยอดคะแนน ซึ่งคะแนนหายแบบผิดสังเกต และมีหลากหลายเรื่องราวมาก เช่น ครอบครัวหนึ่ง ไปเลือกตั้ง 7 คน แต่พอมาดูการนับคะแนนในจุดเลือกตั้งนั้น พรรคที่เลือกกลับไม่ได้สักคะแนนเดียว แต่เรื่องเหล่านี้เป็นเรื่องเล็ก เพราะเรื่องใหญ่คือ การเลือกตั้งครั้งนี้มีความสงสัยกันทั้งหมด จึงได้บอกว่ามันเกินคำว่าสกปรกไปแล้ว เมื่อเทียบกับการเลือกตั้งเมื่อปี 2500 ปัญหาก็คือ จะเรียกศรัทธาความเชื่อมั่นกลับมาอย่างไร เพราะฉะนั้น การนับคะแนนเรื่องบัญชีรายชื่อ จะนับอย่างไรก็ตามสบาย แต่ว่ามันหมดความน่าเชื่อถือกันไปหมดแล้ว
นายจตุพร ยังกล่าวถึงกรณีที่ พล.อ.อภิรัชต์ คงสมพงษ์ ผู้บัญชาการทหารบก ระบุเรื่องซ้าย-ขวา ในประเทศไทย ว่า ผ่านกันมายาวนาน ในรั้วมหาวิทยาลัยสมัยก่อน เป็นเรื่องระหว่างฝ่ายซ้ายกับฝ่ายขวา จนมาถึงยุคๆ หนึ่ง มาถึงคำว่า "เบื่อซ้าย หน่ายขวา" มียุคสมัยแบบนี้เหมือนกัน แต่ปัจจุบันนี้สิ่งที่จะต้องคิดอ่านว่า จะเดินทางอย่างไรให้บ้านเมืองเดินหน้าไปรอดได้ คิดว่าเป็นเรื่องใหญ่ เพราะกว่า 5 ปีนี้ คนไทยมันเดือดร้อนกันจริงๆ คิดว่าเรื่องนี้ทุกคนควรจะหาคำตอบ เพียงแต่การเลือกตั้งมันไม่ใช่ทางออก แต่เป็นปัญหาใหม่เกิดขึ้นมาแล้ว แม้กระทั่งสามารถเคลียร์ได้ ตอบได้ทุกข้อสงสัย ตัวเลขก็ไปไม่ได้อยู่ดี แล้วก็ยังมีอีกหลากหลายประเด็น
"อย่างที่เคยอธิบายว่า แจกใบแดง เหลือง ส้ม ดำ ขาว ตัวเลขจะไม่เปลี่ยน เพราะคนเลือกเป็นซีกกันไปแล้ว แต่มีอีกหลายๆ อย่าง เช่น การรับรองไม่ครบตามจำนวน เพราะกฎหมายให้รับรอง ร้อยละ 95 ถ้าเว้นไว้ ร้อยละ 5 เท่ากับ 25 เขต ตัวเลขก็เป็นจำนวนมากส่งผล แต่อย่างไรประเทศไปไม่ได้อยู่ดีว่า ณ ขณะนี้ เอาเรื่อง กกต.ก่อน ทำให้คนไทยสบายใจเสียก่อน ส่วนเรื่องอื่นค่อยมาคิดกัน ส่วนเรื่องการนับคะแนนปาร์ตี้ลิสต์อย่างไรเอาตามสบาย เอาที่สบายใจ" นายจตุพร กล่าว
นายจตุพร กล่าวถึงกรณีมีการเรียกร้องให้เปิดเผยผลคะแนนดิบ ว่า จากตัวเลขที่ไม่เท่ากัน ก็เป็นการอธิบายแล้วว่าจะไม่มีการเปิดตัวเลขคะแนนดิบกัน แม้ว่าเวลาผ่านมาเนิ่นนานหลังจากการเลือกตั้งแล้วก็ตาม ตนเชื่อว่าเรื่องนี้จะไม่มีการเปิด แม้ความจริงควรจะต้องเปิด เพราะคนเขาจะได้รู้ว่าใครเลือกใคร แต่ตนเชื่อว่า ณ สถานการณ์แบบนี้ ไม่มีใครยอมที่จะให้เปิด ซึ่งก็จะยิ่งสร้างความน่าสงสัยมากยิ่งขึ้น ซึ่งก็จะไม่เป็นประโยชน์กับฝ่ายหนึ่งฝ่ายใดเลย การเลือกตั้งควรจะเป็นความโปร่งใส สุจริต เที่ยงธรรม สบายใจกันทุกฝ่าย ทั้งผู้แพ้ และผู้ชนะ และผู้เลือกคือประชาชน ดังนั้นตนคิดว่า ถ้าสุจริต โปร่งใส กกต.ก็ควรเปิดเผยตัวเลขคะแนนดิบแต่ละเขต เพราะข้อเรียกร้องที่มีการเรียกร้องอยู่ในขณะนี้ คือ การเรียกร้องให้เปิดเผยความจริง ถ้ามันเป็นความจริงแล้วก็ไม่ควรจะปกปิด แต่ตนเชื่อว่า ลีลาแบบนี้จะไม่ยอมเปิด