ไม่พบผลการค้นหา
พรรคก้าวไกลเสนอ 7 ข้อพิจาณาจัดทำงบรายจ่ายประจำปี 64 'ควรตั้งเป้าคุมการระบาดโควิด - ยกระดับขีดความสามารถสาธารณสุข - พยุงเศรษฐกิจดูแลประชาชน' พร้อมสนับสนุนเพิ่มงบกลางสำหรับช่วงวิกฤต แต่ต้องคิดให้รอบคอบก่อนสร้างหนี้ใหม่

พรรคก้าวไกลเผยแพร่คลิปวีดีโอ ข้อเสนอในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ที่เตรียมเข้าสู่การพิจารณาของสภาผู้แทนราษฎรในช่วงเดือนพฤษภาคมนี้ โดย นางสาวศิริกัญญา ตันสกุล รองหัวหน้าพรรคและ ส.ส. แบบบัญชีรายชื่อ กล่าวว่า จากที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ได้มีมติเห็นชอบในรายละเอียดแล้วนั้น เมื่อได้มาพิจารณาก็พบว่า ไม่ได้มีการเปลี่ยนในการจัดสรรงบประมาณแต่อย่างใด ยังคงเป็นการจัดสรรรูปแบบเดิม ไม่ได้จัดลำดับความสำคัญ ไม่ได้เตรียมรับมือกับวิกฤตโควิด-19 ที่อาจลากยาว

อย่างไรก็ตาม ถ้าไม่มีการทบทวน คาดว่าจะเจอปัญหาเดิมๆ เช่น งบกลางที่ใช้หมดไปโดยโดยไม่พอเยียวยาปัญหาปากท้อง อุปกรณ์การแพทย์ หรือการกู้เงินอีกมหาศาลที่ไม่รู้จะใช้หมดเมื่อไหร่ แต่ขณะเดียวกันงบประมาณในการจัดซื้ออาวุธต่างๆ ยังอยู่ครบ

ดังนั้น อดีต กรรมาธิการงบประมาณปี 2563 และทีมงานพรรคก้าวไกล จึงมี 7 ข้อเสนอในการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 ดังนี้

1. ต้องจัดทำงบประมาณฐานศูนย์ เปรียบเหมือนกระเป๋าเดินทางที่ต้องเทของเก่าออกให้หมดก่อนแล้วเริ่มจัดใหม่ เพราะตอนนี้ประเทศเข้าสู่สถานการณ์ไม่ปกติ หากยังจัดทำงบประมาณแบบเดิม โดยนำร่างงบประมาณของปีก่อนหน้านี้มาขยับขึ้น ย่อมแสดงให้เห็นว่าหน่วยงานรัฐไม่ยอมเฉือนเนื้อตัวเองเพื่อนำไปให้กับภารกิจที่มีความสำคัญมากกว่า

2. จัดลำดับความสำคัญใหม่ โดยงบประมาณในปี 2564 ควรตั้งเพื่อเป้าหมายความมั่นคงทางด้านสุขภาพและการเยียวยาปากท้องประชาชน ดังนั้น กระทรวงที่ควรได้รับเพิ่ม ได้แก่ กระทรวงสาธารณสุข และงบกลางสำรองใช้จ่ายฉุกเฉิน ใช้สำหรับ กระทรวงพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ และกระทรวงแรงงาน เป็นต้น

3. ต้องรีดไขมันให้เรียบ งบประมาณไม่จำเป็น เช่น รับรองแขก ดูงานต่างประเทศ อบรมสัมมนา รถประจำตำแหน่ง ฯลฯ ต้องเอาออกให้หมด ไม่เว้นแม้แต่ในกระทรวงที่จัดลำดับความสำคัญเป็นพิเศษ

4. เพิ่มงบกลาง เตรียมความพร้อมสำหรับความไม่แน่นอนในอนาคต แม้ปกติพรรคจะไม่เห็นด้วยกับการเพิ่มงบกลาง เนื่องจากให้นายกรัฐมนตรีมีอำนาจเต็มในการสั่งจ่าย แต่ในยามวิกฤตและสถาการณ์ที่ไม่แน่นอนเช่นนี้ เพื่อความยืดหยุ่นในการใช้จ่าย พรรคยินดีให้รัฐบาลจัดสรรงบกลางเพิ่มขึ้น

5. เร่งปฏิรูประบบราชการยามวิกฤต ทั้งนี้ สถานการณ์ปัจจุบันสะท้อนว่ารัฐไทยยังไม่มีความสามารถรับมือกับวิกฤตได้ นี่จึงเป็นช่วงเวลาสำคัญที่นำไปสู่การปฏิรูปหลายๆ อย่าง เช่น การบินไทยที่ประสบปัญหาภาวะขาดทุนในปัจจุบัน หรือ การใช้เทคโนโลยีสารสนเทศมาช่วยเหลือ บริการสาธารณะในช่วงที่ประชาชนไม่สามารถออกจากบ้านได้

6. ทบทวนสัญญางบผูกพันที่รัฐเคยทำมาก่อน ไม่ว่าจะเป็นซื้ออาวุธ หรือโครงการเมกะโปรเจคด้านคมนาคมที่ซ้ำซ้อน เกินความจำเป็น ไม่คุ้มค่า เวลานี้เหมาะสมอย่างยิ่งที่รัฐบาลจะกลับมาทำการทบทวน ซึ่งประเทศไทยเคยทำเรื่องนี้แล้วในช่วงผ่านวิกฤตต้มยำกุ้ง 40 ที่มีการทบทวนสัญญาซื้อขายเครื่องบิน F18

7. ต้องรอบคอบยิ่งขึ้นในการก่อหนี้ผูกพันใหม่ เพราะจากนี้ไป ประเทศยังจำเป็นต้องใช้งบประมาณจำนวนมากเพื่อฟื้นฟูเศรษฐกิจ ฟื้นฟูประเทศให้กลับมาอีกครั้ง ดังนั้น ก่อนก่อหนี้ผูกพันใหม่ ต้องคำนึงถึงภาระหนี้ที่จะเกิดขึ้น ถ้าไม่เป็นประโยชน์โดยตรงกับประชาชน ก็ไม่จำเป็น

ด้าน นายวิโรจน์ ลักขณาอดิศร โฆษกพรรคก้าวไกลและ ส.ส. บัญชีรายชื่อ กล่าวว่า การจัดสรรงบประมาณปี 2564 ต้องตอบโจทย์ 3 ภารกิจหลัก ได้แก่

1. ควบคุมการระบาดของไวรัสโควิด -19 ไม่ให้เกินขีดความสามารถในการรักษาพยาบาล

2. การยกระดับขีดความสามารถของระบบสาธารณสุข ไม่ว่าจะเป็นโรงพยาบาลสนาม อุปกรณ์การแพทย์ เครื่องช่วยหายใจ ยา เวชภัณฑ์ ตลอดจนระบบติดตามการรักษาตัวของผู้ป่วยอาการไม่หนักที่กักตัวอยู่บ้าน

3. การพยุงเศรษฐกิจ การดูแลประชาชน คนตัวเล็กตัวน้อย ผู้ประกอบการรายย่อย เพื่อให้เราทุกคนผ่านพ้นวิกฤตโควิด และวิกฤตเศรษฐกิจครั้งนี้ได้

ทั้งนี้ ยังเชิญชวนคนไทยให้ร่วมสะท้อนความเห็นให้รัฐบาลได้รับรู้ว่าอยากเห็นการจัดสรรงบประมาณประจำปี 2564 เป็นอย่างไร และอะไรที่ไม่อยากเห็นได้ที่ เว็บไซต์สำนักงบประมาณ www.bb.go.th ภายในวันที่ 8 เมษายน นี้

ข่าวที่เกี่ยวข้อง :