ไม่พบผลการค้นหา
"จาตุรนต์" ชี้ การเมืองไทยย้อนยุคตามแผน คสช.แต่เป็นโอกาสที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะมีกำลังมากขึ้น ด้าน"วีระกานต์"ประกาศกลางงานวันเกิด จะเอา กกต.เข้าคุกให้ได้ พร้อมยัน ไม่เลิกการเมืองจนกว่าประชาชนจะได้ประชาธิปไตย

ที่ห้องประชุมคอนเวนชั่นเซ็นเตอร์ โรงแรมรามาการ์เด้นส์ โดยนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ เลขาธิการแนวร่วมประชาธิปไตยต่อต้านเผด็จการแห่งชาติหรือนปช.ร่วมกับเพื่อนร่วมอุดมการณ์ จัดงานวันคล้ายวันเกิดครบ 6 รอบ 72 ปี "วีระกานต์ มุสิกพงศ์ " อดีตประธาน นปช.โดยมีแกนนำ นปช. และญาติมิตร รวมถึงนักการเมือง โดยเฉพาะ จากอดีตกรรมการบริหารและสมาชิกพรรคไทยรักษาชาติเข้าร่วมงานอย่างคับคั่ง บรรยากาศเต็มไปด้วยความเป็นกันเองและอบอวนด้วยมิตรภาพ ขณะที่บุคคลและพรรคการเมืองที่ไม่สามารถมาร่วมอวยพรนายวีระการต์ในวันนี้ได้ ก็ส่งตัวแทนมอบกระเช้าดอกไม้และของขวัญตามธรรมเนียมมาในวันนี้จากหลากหลายวงการ


nat_1.jpg

นายณัฐวุฒิ กล่าวบนเวทีว่า พูดได้เต็มปากว่าเป็นหนึ่งในลูกศิษย์ของนายวีระกานต์ ซึ่งส่วนตัวเรียก "นายหัว" ตามความสนิทชิดเชื้อ ความเคารพรักและภาษาถิ่นชาวภาคใต้ โดยสิ่งที่สะท้อนความเป็นตัวตนของนายวีระกานต์ ที่นำมาสู่ความยอมรับนับถืออย่างกว้างขวาง ซึ่งเป็นคำพูดที่นายวีระกานต์ สอนนายณัฐวุฒิและนายจตุพร รวมถึงลูกศิษย์ทางการเมืองทุกคนในทุกสถานการณ์ คือ คำพูดมาจากวิถีชีวิตของนักการเมือง นักต่อสู้ผู้ยิ่งใหญ่ของ"นายไขแสง สุกใส" อดีต ส.ส.นครพนม ในยุค 14 ตุลา 2516 ที่ว่า 

“คิดอะไรคิดเถิด อย่าคิดคด คดอะไรคดเถิด อย่าคดมิตร” นายณัฐวุฒิ กล่าว

นายณัฐวุฒิ กล่าวด้วยว่า นายวีระกานต์ถูกทาบทามให้เป็น ส.ว.แต่งตั้งหลังการรัฐประหารปี 2549 แต่ได้ปฏิเสธอำนาจจากเผด็จการอย่างตรงไปตรงมา คือ การยืนหยัดที่พิสูจน์ความเป็นนายวีระกานต์ได้อย่างชัดเจนและคงเส้นคงวา จึงเป็นที่ยอมรับของนักการเมืองและผู้รักประชาธิปไตยและนายวีระกานต์ใช้ทั้งชีวิตเพื่อพิสูจน์หลักการของตัวเอง โดยการจัดงานวันนี้ได้ชักชวนเพื่อนร่วมอุดมการณ์ที่มีอยู่จำนวนมากอย่างเช่นเคยดำเนินการมาในปีก่อนหน้านี้ และได้รับการตอบรับเป็นอย่างดี ซึ่งไม่ได้อยู่เหนือความคาดหมายแต่อย่างใด

ด้านนายวีระกานต์ ได้กล่าวเปิดใจ 72 ปี วีระกานต์ บนเส้นทางประชาธิปไตย “คิดอะไรคิดเถิด อย่าคิดคด คดอะไรคดเถิด อย่าคดมิตร” ว่า การที่มีผู้เคารพนับถือนั้น เพราะยึดหลักและดำรงตนตามคำพูดของ "ไขแสง สุกใส" ข้างต้น 


vee_1.jpg

พร้อมยืนยันว่า "จะไม่เลิกงานการเมืองจนกว่า ประชาชนจะได้ประชาธิปไตย" แม้ว่ามีปัญหาเรื่องสุขภาพบ้างตามอายุไขก็ตาม และเปิดเผยว่า จะเอาผิดคณะกรรมการการเลือกตั้ง หรือ กกต. จากกรณีใช้อำนาจจัดสรรตำแหน่ง ส.ส.บัญชีรายชื่อให้พรรคการเมืองขนาดเล็ก ทั้งๆที่ไม่ได้คะแนนเสียงถึงเกณฑ์ เนื่องจากเห็นว่าผิดรัฐธรรมนูญอย่างชัดเจน แต่ขอย้ำว่า ไม่ได้อิจฉาพรรคเล็กพรรคน้อย แต่เป็นเรื่องหลักการ ซึ่งจะต้องเอา กกต.ชุดนี้เข้าคุกให้ได้ โดยสำทับด้วยว่า การจะเอา กกต.เข้าคุก ไม่ใช่เรื่องที่น่าตกใจแต่อย่างใด เพราะ กกต.ในอดีต เพียงแค่หันคูหากลับด้านก็ติดคุกมาแล้ว 

ขณะที่นายจาตุรนต์ ได้กล่าวถึงความผูกพันที่รู้จักกับนายวีระกานต์มาตั้งแต่ยังหนุ่มผ่านผู้เป็นบิดา และได้ร่วมต่อสู้กันในสมัย 14 ตุลาคม 2516 เช่นเดียวกับหลายคนที่อยู่ในงานวันนี้ 


oyy_1.jpg

โดย นายจาตุรนต์ ถือโอกาสพูดถึง 3 เหตุการณ์เดือนพฤษภาคมที่เกี่ยวข้องกับนายวีระกานต์ และเป็นเดือนเกิดด้วย คือ เหตุการณ์พฤษภา ปี 35, การใช้กำลังทหารปราบปรามประชาชนเดือนเมษา-พฤษภา ปี 53 และการรัฐประหาร วันที่ 22 พฤษภาคม 2557 โดยมีทุกการต่อสู้นายวีรกานต์ได้ต่อสู้ ทั้งให้กำลังใจและให้คำแนะนำทุกๆคนในทุกสถานการณ์ พร้อมกันนี้ยืนยันว่า รัฐประหาร ปี 2557 ทำให้ประเทศเสียหายมากที่สุดในประวัติศาสตร์ชาติไทย ตลอด 80 กว่าปีที่ผ่านมา นับแต่การอภิวัฒน์ 2475 

นายจาตุรนต์ มองว่า การเมืองไทยปัจจุบันคล้ายกับช่วงปี 2522-23 และปี 2535 หลายด้าน และเชื่อว่าทุกอย่างเป็นไปตามแผนของ คสช. แต่แม้จะได้เป็นรัฐบาลสืบทอดอำนาจได้ ก็จะมีความชอบธรรมน้อยมาก เมื่อเทียบกับในอดีตเมื่อหลาย 10 ปีก่อน ด้วยเหตุจากหลายประการ 

อย่างไรก็ตาม นายจาตุรนต์ ทิ้งท้ายว่า " เดือนพฤษภาคมอาจจะเห็นความน่าสลดหดหู่ ว่าบ้านเมืองกลับไปเมื่อ 20 กว่าปี ไปชุมนุมเมื่อปี 35 ก็แล้ว วันนี้ก็ยังเป็นเช่นนี้อีก แต่ก็ขอให้เห็นด้านที่สดใส คือโอกาสที่ฝ่ายประชาธิปไตยจะมีกำลังมากขึ้นและคนส่วนใหญ่จะเห็นปัญหา และร่วมกันทำให้บ้านเมืองเป็นประชาธิปไตยมากขึ้น "