เพราะถูกขับออกจาก ‘พลังประชารัฐ’ มาด้วยกันทั้งหมด ตั้งแต่เดือน ม.ค.ที่ผ่านมา จึงทำให้ ร.อ.ธรรมนัส มีพาวเวอร์ในพรรค

ส่วน พล.อ.วิชญ์ ที่เป็น ‘น้องเลิฟ’ ของ ‘บิ๊กป้อม’ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้าพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) จึงถูกมองว่ามาเพื่อดูแลพรรคแทน ทำให้พรรคเศรษฐกิจไทยถูกมองเป็น ‘พรรคสาขา’ ของ พปชร. ที่สำคัญจุดนี้เองก็สะท้อนว่า ‘บิ๊กน้อย’ ไม่ได้มี ‘อำนาจแท้จริง’ ในการคุมพรรค จึงเป็นอีกเหตุผลที่ทำให้ ‘บิ๊กน้อย’ อึดอัดในการบริหารพรรคจนระบายตัดพ้อออกมา

แม้ว่าท่าทีของ ‘บิ๊กน้อย-ธรรมนัส’ ชัดเจนแต่ต้นว่าไม่เอา ‘บิ๊กตู่’ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม การที่ ‘บิ๊กป้อม’ ปล่อยให้ ‘ธรรมนัส’ ออกจาก พปชร. ไปเป็นอิสระ ก็ถูกมองว่าเป็นการ ‘สร้างอำนาจ’ ต่อรองกับ นายกฯ หรือไม่ จึงมีเสียงเตือนไปยัง นายกฯ ว่าระวังเป็นการ ‘ปล่อยเสือเข้าป่า’ นั่นเอง

แน่นอนว่าคำเตือนดังกล่าวเป็นจริง ‘ธรรมนัส’ เดินเกมรุกเขย่า ‘บิ๊กตู่’ ตามวงรอบ ล่าสุดทั้งคู่ก็ออกมาหนุนให้ ‘บิ๊กป้อม’ ขึ้นเป็น ‘นายกฯ คนนอก’ ทำให้เก้าอี้ ‘บิ๊กตู่’ ระส่ำ เกิดความหวาดระแวงกันเองของพี่น้อง ‘2 ป. ประยุทธ์-ประวิตร’ จนสุดท้ายทั้ง ‘บิ๊กตู่-บิ๊กป้อม’ ต่างออกมาสยบข่าวดังกล่าว สุดท้ายข่าวก็เงียบไป

รอยร้าวระหว่าง ‘บิ๊กน้อย-ธรรมนัส’ ว่ากันว่าก่อตัวมาระยะหนึ่งแล้ว ในการบริหารจัดการพรรคและมีความเห็นไม่ตรงกันหลายเรื่อง หนึ่งในชนวนสำคัญคือการส่ง ส.ส. ลงสมัครรับเลือกตั้งพื้นที่ต่างๆ ที่มีความเห็นแย้งกัน ทำให้เกิด ‘ปฏิบัติการยึดพรรคคืน’ ของ ร.อ.ธรรมนัส 

เริ่มจาก ‘บิ๊กน้อย’ ออกไปให้สัมภาษณ์สื่อถึงปัญหาภายในพรรค ต่อมา 15 กก.บห.พรรค ออกมาประกาศลาออก ทำให้ กก.บห. สิ้นสภาพโดยอัตโนมัติ เพราะเกิดจำนวนครึ่งหนึ่ง ส่งผลให้ ‘บิ๊กน้อย’ ชิงลาออกจาก ‘หัวหน้าพรรค’ ไปก่อนด้วย จนนำมาสู่วิวาทะระหว่าง 2 น้องเลิฟของ พล.อ.ประวิตร ชนิดที่ว่า ‘ผีไม่เผา เงาไม่เหยียบ’ หลายครั้ง

อีกชนวนคือ ร.อ.ธรรมนัส มีความชัดเจนจ้องล้ม ‘บิ๊กตู่’ แต่ ‘บิ๊กน้อย’ ไม่หนุนให้ล้มรัฐบาล เพราะใกล้เลือกตั้งแล้ว พรรคการเมืองยังไม่พร้อม จึงให้ระวังจะได้ ‘นายกฯคนนอก’ มาแทน

แต่อีกเหตุผลว่ากันว่า ‘บิ๊กป้อม’ ได้ขอ ‘บิ๊กน้อย’ เอาไว้ ในฐานะ พล.อ.ประวิตร เป็นพี่ก็ทำให้ พล.อ.วิชญ์ ยอมตามที่ พล.อ.ประวิตร ขอไว้ แต่ในส่วน ร.อ.ธรรมนัส ที่มีจุดยืนไม่เอา พล.อ.ประยุทธ์ ชัดเจน จึงเป็นเรื่องยาก 

ก่อนหน้านี่เคยมีรายงานข่าวเมื่อครั้งทานข้าวพรรคร่วมรัฐบาล ที่ สโมสรราชพฤกษ์ เมื่อวันที่ 9 มี.ค.ที่ผ่านมา ‘บิ๊กป้อม’ กล่าวทำนองว่าคุม ร.อ.ธรรมนัส ไม่ได้ว่า เสียงของพรรคเศรษฐกิจไทย จะยังคงสนับสนุนรัฐบาลต่อไป ยกเว้นที่อาจมีปัญหามีเสียงเดียว คือ ร.อ.ธรรมนัส

ทว่าไทม์ไลน์ที่ ‘ธรรมนัส’ เลือกเผด็จศึกปฏิบัติการยึดพรรคคืน น่าสนใจไม่น้อย เพราะเกิดขึ้นหลังเลือกตั้งสนาม กทม. ที่คะแนนเทไปยัง ‘ขั้วฝ่ายค้าน’ สะท้านมายังรัฐบาลถึง ‘กระแสนิยม’ ที่มี ‘บิ๊กตู่’ และขั้วอำนาจ ‘3 ป.’ จะไปต่อได้หรือไม่ ซึ่งลามไปถึงบรรดา ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ ด้วย อีกทั้งเกิดขึ้นก่อนเปิดประชุมสภา ส.ส. วันแรก ที่กำลังเตรียมพิจารณา ร่างพ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายประจำปีงบประมาณ พ.ศ.2566 และเริ่มตีปี๊บ ‘ศึกซักฟอก’ ขึ้นแล้ว งานนี้เรียกว่า ‘ฝุ่นตลบสภา’ ต้องพากันเช็กเสียงเพื่อรวมเสียง ฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส ก็พยายามดึง ‘พรรคเล็ก’ เข้ามาร่วมด้วย

ในส่วนของพรรคเล็กก็ต้องอาศัยมือ ‘ธรรมนัส’ มาช่วย เพราะลำพังพรรคเล็กด้วยกันเอง ก็ไม่มี ‘พาวเวอร์’ ไปต่อรองพรรครัฐบาล ไม่มีพลังไปต่อรอง ‘บิ๊กตู่’ ด้วย จึงทำให้เกิดสูตร ‘ก๊วนธรรมนัส’ ผสม ‘พรรคเล็ก’ และเครือข่ายผู้กองพรรคต่างๆ ที่ ร.อ.ธรรมนัส อ้างว่ามีอยู่ตอนนี้ 40 เสียง พร้อมคว่ำรัฐบาล แต่ก็ยังเชื่อว่ายังเป็นเพียง ‘เกมขู่’ เท่านั้น ในช่วงโค้งสุดท้ายของรัฐบาล ที่ใกล้หมดวาระ มี.ค. 2566 อยู่ที่ ‘บิ๊กตู่’ จะอยู่ครบวาระหรือชิง ‘ยุบสภา’ ก่อนเท่านั้น

‘บิ๊กป้อม’ เองก็สะท้านกับสิ่งที่เกิดขึ้น ถึงขั้นเปลี่ยนที่ประชุมบอร์ดการกีฬาฯ ที่มี พล.อ.วิชญ์ ร่วมวงด้วย จากทำเนียบฯไปเป็นที่ ‘บ้านป่ารอยต่อ’ แทน หลังเกิดเรื่องยังไม่ถึง 1 วัน เพื่อเลี่ยงเจอสื่อ

ท่ามกลางสถานการณ์ ‘บิ๊กน้อย-ธรรมนัส’ ที่มีวิวาทะเดือด โดย ‘ธรรมนัส’ ก็พูดแทงใจ ‘บิ๊กน้อย’ เชื่อว่าที่ลาออก เพราะไม่สบายใจและไม่คุ้นการเมือง อยู่แต่ในกรมกองมานาน จะเอา ‘ระบบทหาร’ มานำประชาชนไม่ได้ ในส่วน ‘บิ๊กน้อย’ ก็ออกมาทิ้งบอมบ์ว่า มองคนผิด เพราะไม่รู้จักกันดี คิดว่าเขาทำเพื่อประชาชน ไม่เห็นด้วยกับการมองแต่ประโยชน์ส่วนตนและพวกพ้อง ชีวิตคนเราตายไป เอาไปไม่ได้สักอย่าง

เรียกว่าสัมพันธ์ ‘บิ๊กน้อย-ธรรมนัส’ สะบั้น แต่กับ ‘บิ๊กป้อม’ ยังคงไปได้ทั้งคู่ ซึ่ง ‘บิ๊กป้อม’ เองก็รู้วิธีรับมือกับปัญหาของ ‘บรรดาน้องเลิฟ’ เพราะไม่ได้มีเพียง ‘บิ๊กน้อย-ธรรมนัส’ เพียงคู่เดียวที่มีปัญหากัน

สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน !!