หลังถูกชี้ไปที่คำพูดให้เลือก “คนมีชาติตระกูล-มีเงิน” ทำให้เข้าทางพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ขยี้ซ้ำดูถูกคนใต้ ทำให้ ‘ธรรมนัส’ โดนคนใต้-ปชป.สั่งสอนกลับมา
ทั้งนี้ยังไม่ทันพ้น 1 วัน หลังผลเลือกตั้งออกมา ‘เสี่ยเฮ้ง-สุชาติ ชมกลิ่น’ แกนนำ พปชร. ออกมาฟาด ‘ธรรมนัส’ ดอกแรก มองว่าคำปราศรัยของ ‘ธรรมนัส’ มีผลต่อการเลือกตั้ง ผ่านมาอีกวันกลับมีภาพ ‘กรุ๊ปไลน์’ หลุดออกมา
โดยเป็น ‘กรุ๊ปทีมโฆษกวิปรัฐบาล’ ที่ ‘สุชาติ’ เสนอให้ทำโพล พปชร. ตกต่ำเพราะอะไร โดยมีตัวเลือก 2 ข้อ คือ เพราะ ร.อ.ธรรมนัส เป็นเลขาธิการ พปชร. หรือเพราะ ร.อ.ธรรมนัส ไม่มีคนยอมรับ
วันต่อมาในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร นัดแรกปี 2565 ก็เกิดเหตุ ‘สภาล่ม’ ขึ้นทันที พร้อมกับ ‘แผ่นดินไหว’ ที่ มูลนิธิป่ารอยต่อฯ
โดย ‘บิ๊กป้อม’พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ หัวหน้า พปชร. ได้เรียกประชุมกรรมการบริหารพรรค และ ส.ส. เป็นการด่วน เมื่อช่วงเย็น วันที่ 19 ม.ค. ที่ผ่านมา โดยมีรายงานข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส เสนอให้มีการปรับ กก.บห.พรรค รวมทั้งบีบให้มีการปรับ ครม. โดยนำ 20 ส.ส. ที่อยู่ในมุ้งมาต่อรอง
อีกทั้งมีรายงานข่าวออกมาว่า ร.อ.ธรรมนัส มีความต้องการเก้าอี้ รมว.ทรัพยากรธรรมชาติฯ หรือให้เก้าอี้ รมต. 1 เก้าอี้ แก่ 20 ส.ส. มิเช่นนั้นจะไม่เป็นองค์ประชุมให้กับฝ่ายรัฐบาลในสภาฯ
การประชุมที่ ‘บ้านป่ารอยต่อ’ ยาวกว่า 3 ชั่วโมง ได้บทสรุปที่ว่า ร.อ.ธรรมนัส ขอให้ขับตนเองกับ 20 ส.ส.พ้นพรรค เพื่อคงสถานะ ส.ส. ไว้ และต้องหา “พรรคใหม่” ภายใน 30 วัน ซึ่งความเคลื่อนไหวดังกล่าวก่อตัวขึ้นมาตั้งแต่หลัง ‘ศึกปักษ์ใต้’ จบ
ทำให้ พล.อ.ประวิตร เก็บตัวงดเจอสื่อ ทำงานอยู่ใน ‘บ้านป่ารอยต่อ’ เป็นหลัก ซึ่งเหตุการณ์ครั้งนี้ทำให้ ‘สัมพันธ์ 2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ ถูกจับตา เพราะหลังจบเลือกตั้งซ่อมปักษ์ใต้
ท่าที พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และ รมว.กลาโหม ก็ไม่ได้ร้อนรนแต่อย่างใด แม้ว่า พปชร. จะแพ้เลือกตั้งก็ตาม ผิดกับฝั่ง ร.อ.ธรรมนัส กับ พล.อ.ประวิตร
แต่งานนี้ ร.อ.ธรรมนัส ไม่ยอมเช่นกัน เพราะรู้ตัวว่า ‘ถูกวางยา’ ตั้งแต่เลือกตั้งปักษ์ใต้ จึงต้อง ‘พลิกเกม’ ให้ได้
ทำให้ ‘ก่อการ’ ขึ้นครั้งนี้ นำ 20 ส.ส. มาเป็น ‘ตัวบีบ’ ทั้ง ‘2ป.ประวิตร-ประยุทธ์’ โดยที่ พล.อ.ประวิตร เปรียบเป็น ‘รัฐกันชน’ ให้ทั้ง 2 ฝ่าย เพราะ ร.อ.ธรรมนัส กับ พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถอยู่ร่วมชายคาเดียวกันได้ ดังนั้นการขับ ร.อ.ธรรมนัส พ้นจาก พปชร. ก็ทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ สบายใจขึ้นบ้าง เพราะเปรียบเป็น ‘หอกข้างแคร่’ มานาน
แต่ยังไม่จบเท่านี้ เพราะมีกระแสว่า ร.อ.ธรรมนัส จะไป ‘เทคโอเวอร์’ พรรคที่ตั้งมานานแล้ว คือ ‘พรรคเศรษฐกิจไทย’ เตรียมนำ ‘บิ๊กน้อย’พล.อ.วิชญ์ เทพหัสดิน ณ อยุธยา ประธานกรรมการยุทธศาสตร์พรรคพลังประชารัฐ ที่เป็นน้องรักของ พล.อ.ประวิตร ไปเป็นหัวหน้าพรรค
รวมทั้งมีชื่อ ‘บิ๊กป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ น้องชายโดยสายเลือด ไปเป็น ‘ที่ปรึกษาพรรค’ ด้วย ซึ่งล้วนเป็นคนของ พล.อ.ประวิตร ทั้งหมด และหาก 20 ส.ส.มุ้งผู้กอง ไปร่วมพรรคด้วย ก็จะทำให้พรรคใหม่นี้ มี ส.ส.เขต 17 คน ถือว่าเป็นพรรคที่มาลำดับที่ 4 หากไปร่วมรัฐบาล ก็สามารถต่อรองเก้าอี้ รมต. ได้ด้วย
ทำให้มีการเตือน พล.อ.ประยุทธ์ ว่าระวังจะเป็นการ ‘ปล่อยเสือออกป่า’ และ ‘เตะหมูเข้าปากหมา’ หรือไม่ จึงทำให้เกิดคำถามการเดินหมากของ ‘2ป.ประวิตร-ประยุทธ์’ สุดท้ายแล้ว ไปในแนวทางเดียวกันหรือไม่
สำหรับพรรคเศรษฐกิจไทยจัดตั้งขึ้นเมื่อ เม.ย. 2563 และมีการจัดกิจกรรมมาโดยตลอด ก่อนหน้านี้ถูกมองว่าเป็น ‘พรรคสำรอง’ ของ ‘บิ๊กฉิ่ง’ฉัตรชัย พรหมเลิศ อดีตปลัดกระทรวงมหาดไทย โดยมีนายทุนเป็น “ทุนท้องถิ่น” จากบุคคลที่มีคนนับหน้าถือตาในพื้นที่
แต่ล่าสุดมีชื่อ ‘อภิชัย เตชะอุบล’ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปัตย์ ที่เคยเป็นอดีตเหรัญญิก ปชป. จะมาเป็น “นายทุนพรรค” นั่งตำแหน่ง เลขาธิการพรร โดย ‘อภิชัย’ ทำธุรกิจด้านอสังหาริมทรัพย์และอุตสาหกรรมจำนวนมาก
อีกคำถามคือทำไม พล.อ.ประวิตร จึงจะส่ง พล.อ.วิชญ์ ไปเป็น ‘หัวหน้าพรรค’ ที่จะเป็น ‘รังใหม่’ ของ ‘ขั้วธรรมนัส-ประวิตร’ ในอนาคต
เพราะ พล.อ.วิชญ์ เป็นมือทำงานให้ พล.อ.ประวิตร มานาน โดยเฉพาะงานสายกีฬา ล่าสุดเป็นเลขาธิการคณะกรรมการโอลิมปิคแห่งประเทศไทยฯ โดยก่อนหน้านี้เคยเป็นเลขาธิการราชตฤณมัยสมาคมฯ แทน "เสธ.อ้าย”พล.อ.บุญเลิศ แก้วประสิทธิ์ อีกทั้งเป็นนายทหารที่ ร.อ.ธรรมนัส ให้ความเคารพด้วย
พล.อ.วิชญ์ จบ ตท.11 จปร.22 เป็นนายลูกผสม ระหว่าง “บูรพาพยัคฆ์-วงศ์เทวัญ” เพราะเคยอยู่กรมทหารพรานที่ 12 จึงได้รู้จักกับ พล.อ.ประวิตร จากนั้น พล.อ.วิชญ์ มาประจำที่ ร.1 พัน.3 รอ. แม้ว่า พล.อ.วิชญ์ จะเป็นทหารราบ แต่อยู่ใน “ก๊วนทหารม้า” จึงรู้จักกับ “เสธ.ไอซ์”พล.อ.ไตรรงค์ อินทรทัต (ตท.10) ซึ่ง “เสธ.ไอซ์” เป็นผู้ใหญ่ที่ ร.อ.ธรรมนัส ให้ความเคารพ และเป็นคนที่ดึง ร.อ.ธรรมนัส เข้ามาสู่ถนนการเมือง ในยุคพรรคไทยรักไทย ซึ่ง พล.อ.ไตรรงค์ เป็นเพื่อนร่วมรุ่น ตท.10 กับอดีตนายกฯ ทักษิณ ชินวัตร
ส่วนชื่อ ‘บิ๊กป๊อด’พล.ต.อ.พัชรวาท อดีต ที่มีชื่อในโผร่วม ‘พรรคใหม่’ ซึ่งชื่อ ‘ป.ป๊อด’ เป็นที่จับตาอย่างมาก ในการ ‘เปิดหน้า’ ลงสู่สนามการเมือง เพราะที่ผ่าน ‘โลว์โปร์ไฟล์’ มาตลอด แม้จะมีข่าวพาดพิงถึงก็ไม่เคยออกมาตอบโต้เอง
ซึ่งชื่อบุคคลเหล่านี้ เชื่อได้ว่าทำให้ พล.อ.ประยุทธ์ ต้องจับตาไม่น้อย เพราะหลังเกิดเหตุการณ์ ‘แผนล้มนายกฯ’ ในศึกซักฟอกครั้งก่อน ก็ทำให้ ‘2ป.ประวิตร-ประยุทธ์’ มีเหตุการณ์ ‘วัดพลัง’ ใส่กัน
รวมทั้งท่าที ‘แคร์กัน’ น้อยลง แม้ทั้งคู่จะ ‘โชว์หวาน’ กันก็ตาม แต่กลับย้อนแย้งต่อสิ่งที่เกิดขึ้นจริง ซึ่งในสถานการณ์เช่นนี้ พล.อ.ประยุทธ์ ก็พยายาม ‘กระชับระยะห่าง’ ให้แคบลง โดยการเข้าพูดคุยกับ พล.อ.ประวิตร มากขึ้น เช่นเมื่อช่วงเย็น วันที่ 20 ม.ค.ที่ผ่านมาด้วย หลังเกิดแผ่นดินไหว พปชร. มาแล้ว 1 วัน
สถานการณ์เช่นนี้ถูกตอกย้ำด้วยคำเตือนของ ‘นกรู้-ผู้มาก่อนกาล’ อย่าง ‘วิษณุ เครืองาม’รองนายกรัฐมนตรี ที่ประกาศเตรียมสละเรือ ตั้งแต่กลาง ธ.ค. 2564 ว่าจะอยู่จนจบรัฐบาลชุดนี้ แต่จะไม่ร่วมรัฐบาลต่อไป
ล่าสุดผ่านมา 1 เดือน เกิดเรื่องภายใน พปชร. ‘วิษณุ’ ยอมรับว่ารัฐบาลอยู่ในความสุ่มเสี่ยง สามารถเกิดอุบัติเหตุทางการเมืองได้ รวมทั้งสถานการณ์ถือว่าหนักหน่วงสำหรับ นายกฯ พร้อมยกคำพูดเมื่อ 2 ปีก่อน ที่ว่า “รัฐบาลเป็นเรือเหล็ก เป็นเรือลำเล็ก สนิมเหล็กเกิดแต่เนื้อในตน”
ทั้งหมดนี้จึงเป็น ‘แรงบีบ’ ที่เป็นตัวเร่งให้สถานการณ์ ‘สุกงอม’ เร็วขึ้น ตามที่มีการคาดกันว่ากลางปี 2565 อาจมีความเปลี่ยนใหญ่ทางการเมืองเกิดขึ้น ผ่านศึก ‘สายเลือด จปร.’ ซึ่งบทเรียนเหล่านี้ ‘3ป.-1ธ.’ ต่างทราบดี เพราะการเมืองไทยในอดีตพลิกผันหลายครั้ง ก็เพราะ ‘ทหาร’ ตีกันเอง เพื่อแย่งชิง ‘อำนาจ’ นั่นเอง
ข่าวที่เกี่ยวข้อง