ไม่พบผลการค้นหา
งานนี้ ‘บิ๊กตู่’พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาประกาศชัดเจน ‘ไปต่อ’ อีก 2 ปี ได้ถึงปี 2568 ตามรัฐธรรมนูญ ที่จะครบวาระ 8 ปี ท่ามกลางความเคลื่อนไหวของฝั่งสภาฯ ในการร่างรัฐธรรมนูญขึ้นใหม่ ในฝั่ง ส.ว. ก็มีบางราย ‘โยนหิน’ เรื่องแก้มาตรา 158 ปมวาระ 8 ปี ไม่ให้มีวาระดำรงตำแหน่งแทน งานนี้ฝ่าย เสธ. ข้างกาย ‘บิ๊กตู่’ กลับมองเป็น ‘ผลเสีย’ มากกว่า ‘ผลดี’

เพราะเป็นการเติมเชื้อไฟ เพราะมีการคำนวณแล้วว่า ‘พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา’ อยู่ได้ถึงปี 2568 ตามรัฐธรรมนูญ แต่ยังไม่นับรวม ‘ช่วงรักษาราชการแทน’ ก็อาจอยู่ได้ถึงประมาณปี 2569 ซึ่งก็จะพ้นจากตำแหน่งนายกฯ ก่อนปี 2570 ที่จะครบ 4 ปี ไม่นานนัก

แต่อีกกระแสก็มีการมองว่าจะมีการไปยื่นศาลรัฐธรรมนูญ ตีความช่วงปี 2568 อีกหรือไม่

แต่งานนี้รังใหม่ของ พล.อ.ประยุทธ์ นั่นคือ ‘พรรครวมไทยสร้างชาติ’ (รทสช.) ต้องเร่งระดมพลเพื่อได้ ส.ส. อย่างน้อย 25 ที่นั่ง จะได้มีสิทธิเสนอชื่อ พล.อ.ประยุทธ์ ชิงนั่งนายกฯ สมัยหน้า

ทั้งนี้ รทสช. ก็หวังได้เก้าอี้ราว 40-50 ที่ เพื่อเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลอีกครั้ง แต่ต้องจับตาว่าจำนวนเก้าอี้จะสู้ ‘พลังประชารัฐ-ภูมิใจไทย’ ได้หรือไม่ หาก รทสช. ได้น้อยกว่า ทั้งสองพรรคจะ ‘ยอมถอย’ ให้ พล.อ.ประยุทธ์ ขึ้นเป็น นายกฯ เป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ ในอีกแง่เท่ากับว่า ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ จะลงสนามมาแข่งกันเองหรือไม่ รวมทั้งการวัดพลังกับ ‘เสี่ยหนู’อนุทิน ชาญวีรกูล หัวหน้าพรรคภูมิใจไทย

พีระพันธุ์ รวมไทยสร้างชาติ เอกนัฏ ดวงฤทธิ์ ชื่นชอบ F10B32.jpeg

แต่ทั้ง ‘2ป.บูรพาพยัคฆ์’ ยังคงกำหนด ‘เกมอำนาจ’ ครั้งนี้ เพราะยังมี 250 ส.ว. อยู่ ที่มีอำนาจโหวตเลือกนายกฯ และจะสิ้นสุดวาระปี 2567 ดังนั้นโอกาสหวนคืนสู่อำนาจของ พล.อ.ประยุทธ์ ยังคงมีอยู่ พร้อมกับการ ‘แชร์อำนาจ’ ครั้งใหม่ กับบรรดา ‘พรรคร่วมรัฐบาล’ เดิมๆ ในการจัดเก้าอี้รัฐมนตรีต่างๆ แต่จุดนี้ต้องดูผลเลือกตั้งว่าแต่ละพรรคมี ‘อำนาจต่อรอง’ มากน้อยแค่ไหน

แต่ที่ชัดแล้วคือ ‘2ป.ประยุทธ์-ประวิตร’ วางยุทธวิธีแบบทหาร ‘แยกกันเดิน รวมกันตี’ โดยทำการแยก ‘คู่อริ-โจทก์เก่า’ ของ พล.อ.ประยุทธ์ ไว้ที่ พปชร. ให้ ‘บิ๊กป้อม’ คุมพฤติกรรม บางส่วนก็ย้ายตาม ‘บิ๊กตู่’ ไปด้วย ซึ่งทั้ง พปชร.-รทสช. ก็มีการ ‘ทำโพล’ ของตัวเอง ในการวัดกระแสผู้สมัคร ส.ส. แต่ละพื้นที่ รวมทั้งดูกระแสภาพรวม จุดนี้ถือว่าสำคัญเพราะจะเป็น ‘ยุทธศาสตร์’ ในการเจาะแต่ละพื้นที่

โดย รทสช. ที่ยังเกาะกระแส ‘บิ๊กตู่’ ไว้ ก็จะลุยเจาะภาคใต้เป็นหลัก และในบางพื้นที่ เช่น กทม. เป็นต้น

ส่วน พปชร. ที่มี ‘ฐานบ้านใหญ่’ ลดโทนการชู พล.อ.ประยุทธ์ ก็จะเจาะพื้นที่ภาคอื่นๆ โดยเฉพาะภาคกลาง-อีสาน-เหนือตอนล่าง ในช่วงนี้มักมี ‘นักการเมือง’ เข้าออกบ้าน พล.อ.ประยุทธ์ บ่อยครั้ง เพราะ พล.อ.ประยุทธ์ รู้ดีที่ผ่านมาตัวเอง ‘ขาลอย’ จึงต้อง ‘เสริมขา’ ด้วยการมี ส.ส. ของตัวเอง

ประวิตร พลังประชารัฐ C-8923-75C17F78BE23.jpeg

ดังนั้นจึงต้องจับตาว่าทั้ง พปชร.-รทสช. จะส่งผู้สมัคร ส.ส. หลบกันหรือไม่ หากส่งครบ 400 เขต ก็เท่ากับส่ง ‘ชนกันเอง’ เพราะเลือกตั้งครั้งนี้ ‘เขต-บัญชีรายชื่อ’ คนละเบอร์กัน แม้จะบัตร 2 ใบ แต่ ส.ส. เขตมี 400 คน ส.ส.บัญชีรายชื่อ 100 คน ทำให้ ‘น้ำหนัก’ ไปอยู่ที่ ส.ส.เขต มากกว่า ‘กระแสพรรค’ ทำให้เกิด ‘พลังดูด-ซื้อตัว’ ชนิดฝุ่นตลบ มหกรรม ‘สวนกล้วย’ จะยิงยาวไปถึงช่วง ‘หลังยุบสภา’ ที่กฎหมายกำหนดให้ผู้สมัครต้องสังกัดพรรคภายใน 30 วันจนถึงวันเลือกตั้ง

อีกความเคลื่อนไหวที่ต้องจับตาคือ ‘ผู้กองคนดัง’ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา พรรคเศรษฐกิจไทย หลังวางแผนกลับบ้านเดิม ‘พรรคเพื่อไทย’ แต่ดีลล่มฝั่งพรรคเพื่อไทยไม่กล้ารับกลับ เกรงจะกระทบพรรคภาพรวม

เพราะพรรคเพื่อไทยเคยจัดหนัก ร.อ.ธรรมนัส เรื่อง ‘แป้ง’ ในสภามาแล้ว แม้ว่าจะมีสัญญาณทำนอง ‘แมวสีอะไรก็จับหนูได้’ มาก็ตาม แต่เมื่อประเมินแล้ว ‘เสีย’ มากกว่า ‘ได้’ ก็ต้องล้มดีลไป หาก ร.อ.ธรรมนัส จะกลับไป พปชร. ก็ทำเอา พล.อ.ประวิตร อยู่ในสภาพ ‘กลืนไม่เข้าคายไม่ออก’ ใจก็อยากได้ แต่เอากลับมาเรื่องยุ่งยากจะตามมา เพราะ ร.อ.ธรรมนัส มีโจทก์เก่าใน พปชร. เพียบ

หากกลับเข้ามา พปชร. งานนี้ ‘ผึ้งแตกรัง’แน่นอน ดังนั้นหนทางเดียวในเวลานี้ ร.อ.ธรรมนัส จึงไม่ย้ายไปไหน อยู่พรรคเศรษฐกิจไทยตามเดิม ส่วน ส.ส. มุ้งผู้กอง พรรคเศรษฐกิจไทย ก็มีทั้งกลับ พปชร. และไปซบพรรคภูมิใจไทยแทน

ธรรมนัส เศรษฐกิจไทย -B77A-41D2-AA2A-9F413C5E64B0.jpeg

ทว่าช่วงที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส เผชิญวิบากกรรม ต้องโลว์โปรไฟล์ไปร่วมเดือน หลังโดนโยงเอี่ยว ‘กลุ่มทุนจีนสีเทา’ ที่ทั้ง ‘ชูวิทย์ กมลวิศิษฎ์’ กับ ‘สันธนะ ประยูรรัตน์’ กล่าวพาดพิงชื่อ ร.อ.ธรรมนัส รวมทั้งลากไปถึงกรณี ‘ตู้ห่าว’ บริจาคเงินให้ พปชร. 3 ล้าน ที่เข้าข่ายโทษถึงถึงขั้น ‘ยุบพรรค’ ได้ จึงกระทบไปถึง ‘บิ๊กป้อม’ ในฐานะหัวหน้าพรรคด้วย ซึ่งคดีนี้ก็มี ‘บิ๊กโจ๊ก’พล.ต.อ.สุรเชษฐ์ หักพาล รอง ผบ.ตร. ที่ได้ชื่อว่าเป็น ‘น้องเลิฟ’ พล.อ.ประวิตร รับผิดชอบคดีนี้ จึงถูกจับตายิ่งขึ้นไปอีก อย่างไรก็ตามช่วงที่ผ่านมา ‘บิ๊กโจ๊ก’ ได้เข้าพบ ‘บิ๊กตู่’ ที่ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบฯ ประมาณ 2-3 ครั้ง ที่มารายงานความคืบหน้าคดีทุนจีนสีเทาเสมอ

ช่วงสัปดาห์ที่ผ่านมา ร.อ.ธรรมนัส ปรากฏตัวกลางห้องประชุมสภาฯ ร่วมโหวตร่างแก้ไขรัฐธรรมนูญ ปลดล็อกท้องถิ่น สยบกระแสข่าวหนีไปต่างประเทศตั้งแต่วันที่ 31ต.ค.ที่ผ่านมา ที่มีกระแสข่าวว่าอยู่ที่ดูไบ

และมีอีกกระแสข่าวว่า ร.อ.ธรรมนัส บินไปดูไบเพื่อต่อเครื่องไปยุโรป แต่กระแสข่าวทุกอย่างถูกสยบทั้งหมด ต่อมา ‘จุ๊บจิ๊บ’ธนพร ศรีวิราช ภรรยา ร.อ.ธรรมนัส โพสต์ภาพลงไอจีส่วนตัวกับผู้กอง เมื่อครั้งลงพื้นที่พบกลุ่มชาติพันธุ์ เผ่าลีซอ ต.ป่าแฝก อ.แม่ใจ จ.พะเยา เมื่อวันที่ 17พ.ย. 2565 หลังกลับจากต่างประเทศ

การปรากฏตัวของ ร.อ.ธรรมนัส จึงถูกตีความไปต่างๆนาๆ โดยเฉพาะคดีทุนจีนสีเทาที่ ‘ผู้กองคนดัง’ โดนพาดพิง ผ่านมาเดือนกว่าในฝั่ง ตร. ยังไม่มีความคืบหน้าทางคดีหรือข้อกฎหมายที่โยง ร.อ.ธรรมนัส หรือ ‘บิ๊กนักการเมือง’ คนใด อย่างเป็นทางการ ดังนั้นการปรากฏตัวของ ร.อ.ธรรมนัส จึงถูกมองว่าเป็น ‘สัญญาณพ้นเคราะห์’ หรือไม่ เตรียมลุยทำงาน ‘การเมือง’ ในแบบตัวเอง หลังถูก ‘เด็ดปีก’ เรียบร้อยแล้ว

เอาแค่เจ็บไม่เอาถึงตาย ?!