ผลการเลือกตั้งประธานาธิบดีรัสเซียเมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา (18 มีนาคม) ปรากฏว่านายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีคนปัจจุบันวัย 65 ปี ได้รับคะแนนเสียงประมาณ 76% ทิ้งห่างคู่แข่ง นายพาเวล กรูดินิน ที่ได้คะแนนเสียงไปเพียง 13.2% ขณะที่นายอเล็กเซีย นาวัลนี ผู้นำฝ่ายค้านคนสำคัญอีกคนหนึ่ง ถูกตัดสิทธิ์จากการลงสมัครเลือกตั้ง เนื่องจากเขากำลังถูกหน่วยงานรัฐบาลตรวจสอบและตั้งข้อหาว่าเลี่ยงภาษีและฉ้อโกง

จำนวนประชาชนที่ออกมาใช้สิทธิ์ในการเลือกตั้งครั้งนี้อยู่ที่ 63.7% ซึ่งน้อยกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาเมื่อปี 2012 และก็เป็นที่คาดการณ์อยู่แล้วว่านายปูตินน่าจะชนะการเลือกตั้งครั้งนี้อย่างง่ายดาย เพราะไม่มีคู่แข่งที่สมน้ำสมเนื้อ และน่าจะได้รับคะแนนเสียงสนับสนุนมากกว่าการเลือกตั้งครั้งที่ผ่านมาที่เขาชนะการเลือกตั้งด้วยคะแนนเสียง 64%  

นายปูตินได้กล่าวขอบคุณผู้ให้การสนับสนุนและประชาชนทุกคนที่ออกมาลงคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งนี้ โดยบอกว่ารัสเซียกำลังมีปัญหาใหญ่ที่รอการแก้ไขหลายอย่าง และเป็นเรื่องสำคัญที่การเมืองของรัสเซียต้องไม่ถูกนำไปใช้เพื่อผลประโยชน์ของคนบางกลุ่ม แต่ต้องถูกใช้เพื่อผลประโยชน์ของคนทั้งประเทศ 

นัยสำคัญของผลการเลือกตั้งครั้งนี้ก็คือการชนะเลือกตั้งแบบถล่มทลาย มากกว่าเมื่อ 6 ปีที่แล้วถึง 12% ซึ่งทำให้เป็นที่แน่ชัดว่านายปูตินสามารถควบคุมประเทศได้อย่างเบ็ดเสร็จ โดยแม้จะมีรายงานการทุจริตการเลือกตั้งและความผิดปกติจำนวนมากในคูหาเลือกตั้งต่างๆ แต่ก็ไม่สามารถสั่นคลอนชัยชนะอย่างท่วมท้นนี้ได้

นายปูตินปกครองรัสเซียมาตั้งแต่ปี 1999 ในตำแหน่งประธานาธิบดี สลับกับนายกฯ เขาจะดำรงตำแหน่งต่อถึงปี 2024 และไม่สามารถดำรงตำแหน่งต่อได้แล้ว แต่ปูตินยังไม่เคยวางตัวทายาททางการเมือง จึงเป็นไปได้ว่าเขาจะอาศัยจังหวะที่ได้รับความชอบธรรมจากคะแนนเสียงท่วมท้นนี้ หาทางแก้รัฐธรรมนูญ ทำให้ตัวเองอยู่ต่อได้ไม่จำกัดวาระ ไม่ต่างกับที่นายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน เพิ่งสั่งแก้ไขรัฐธรรมนูญ ยกเลิกการจำกัดให้ประธานาธิบดีและรองประธานาธิบดีดำรงตำแหน่งได้ไม่เกิน 2 วาระ

เดิมกฎหมายกำหนดให้ประธานาธิบดีรัสเซียดำรงตำแหน่งวาระละ 4 ปี และห้ามเป็นติดกันเกิน 2 สมัย แต่ในปี 2008 นายปูตินสั่งแก้กฎหมาย ขยายวาระการดำรงตำแหน่งของประธานาธิบดีเป็น 6 ปี และที่ผ่านมา เขาใช้วิธีเป็นประธานาธิบดี 2 สมัย สลับกับเป็นนายกฯ ครองอำนาจยาวนานมาตั้งแต่ปี 1999