นิตยสารฟอร์บส์ จัดอันดับผู้ทรงอิทธิพลที่สุดของโลกปี 2018 ทั้งหมด 75 อันดับจากวงการการเมือง ธุรกิจ และองค์กรระหว่างประเทศ โดยนายสีจิ้นผิง ประธานาธิบดีจีน ได้รับการจัดอันดับให้อยู่อันดับ 1 เป็นครั้งแรก ส่วนอันดับ 2 ได้แก่ นายวลาดิเมียร์ ปูติน ประธานาธิบดีรัสเซียที่เคยครองตำแหน่งผู้ทรงอิทธิพลมากที่สุดถึง 4 ครั้งในรอบ 20 ปีที่ผ่านมา ตามมาด้วยนายโดนัลด์ ทรัมป์ ประธานาธิบดีสหรัฐฯ, นางอังเกลา แมร์เคล นายกรัฐมนตรีเยอรมนี และนายเจฟฟ์ เบโซส ซีอีโอบริษัทแอมะซอน
ฟอร์บส์อธิบายว่า นายสีเป็นผู้นำประเทศที่มีประชากรมากที่สุดในโลก และมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับ 2 ของโลก โดยที่เขาสามารถกุมอำนาจในพรรคการเมืองพรรคเดียวของประเทศได้อย่างมั่นคง และในเดือนมี.ค.ที่ผ่านมา รัฐสภาจีนเพิ่งลงมติยกเลิกกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งประธานาธิบดี ทำให้นายสีเป็นประธานาธิบดีจีนต่อไปได้จนกว่าจะเสียชีวิตหรือลาออกเอง
นับตั้งแต่ที่นายสีขึ้นสู่อำนาจในปี 2012 เขาได้ปฏิรูปเศรษฐกิจที่เป็นมิตรกับบริษัทเอกชนมากขึ้น อีกทั้งยังเป็นผู้สร้าง Chinese Dream อุดมการณ์ของชาติและปัจเจกบุคคลเพื่อการพัฒนาสังคมจีน และเมื่อปลายปี 2017 ที่ประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนมีมติเห็นชอบการจารึกแนวคิดที่ระบุ ชื่อสีจิ้นผิงลงไปในรัฐธรรมนูญจีน ซึ่งทำให้สีจิ้นผิงกลายเป็นผู้นำจีนยุคใหม่ที่มีความสำคัญเทียบเท่ากับอดีต ผู้นำยุคสร้างชาติอย่างเหมาเจ๋อตุงและเติ้งเสี่ยวผิง
ปี 2018 มีผู้ทรงอิทธิพล 17 คนที่เป็นหน้าใหม่ เช่น มกุฎราชกุมารโมฮัมเหม็ด บิน ซัลมานของซาอุดีอาระเบียที่พยายามจัดการโครงสร้างอำนาจภายในประเทศ ออกแคมเปญ 'ปราบคอร์รัปชัน' ที่นำไปสู่การจับกุมชนชั้นนำจำนวนมาก นอกจากนี้ ยังมีนายมุนแจอินอยู่ในอันดับที่ 54 และนายโรเบิร์ต มูลเลอร์ อัยการพิเศษของกระทรวงยุติธรรมที่ตรวจสอบข้อกล่าวหาว่ารัสเซียแทรกแซงการเลือกตั้งประธานาธิบดีสหรัฐฯ ปี 2016 ในอันดับที่ 72
ด้านนายคิมจองอึน ผู้นำสูงสุดของเกาหลีเหนือถูกจัดอยู่ในอันดับ 36 เนื่องจากเขามีอำนาจควบคุมชีวิตของประชาชนกว่า 25 ล้านคนเกือบจะเบ็ดเสร็จ และใช้อำนาจของเขาอย่างสม่ำเสมอ นอกจากนี้ เขายังมีชื่อเสียงอย่างมากเรื่องการประหารชีวิตคนที่เป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลเกาหลีเหนือ
ปีนี้ ผู้นำประเทศในภูมิภาคอาเซียนขึ้นมาอยู่ในรายชื่อ 75 ผู้ทรงอิทธิพลของโลกหลายคน โดยนายลีเซียนลุง นายกรัฐมนตรีสิงคโปร์ถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 61 ในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศที่มีความสำคัญด้านการเงินระดับโลก แม้จะเป็นเพียงประเทศเล็กๆ
ส่วนนายโรดริโก ดูแตร์เต ประธานาธิบดีฟิลิปปินส์ก็เป็นผู้นำที่ได้รับความนิยมอย่างมากจากนโยบายประชานิยมที่ส่งเสริมการสังหารผู้ที่เกี่ยวข้องกับยาเสพติด รวมถึงอาชญากรรมอื่นๆ จนทำให้มีคนเสียชีวิตไปหลายพันคนแล้วนับตั้งแต่ที่เขาขึ้นดำรง ตำแหน่งในปี 2016 และเขายังขโมยพื้นที่สื่อนานาชาติได้บ่อยครั้งจากคำพูดหยาบคายของเขา
ด้านนายโจโก วิโดโด ประธานาธิบดีอินโดนีเซียถูกจัดให้อยู่ในอันดับ 74 ในฐานะที่เป็นผู้นำประเทศที่มีประชากรมากที่สุดเป็นอันดับ 4 ของโลก และมีขนาดเศรษฐกิจใหญ่ที่สุดในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ และมีแนวโน้มว่าเขาจะชนะการเลือกตั้งเป็นประธานาธิบดีอีกสมัย หลังโพลล่าสุดระบุว่าคะแนนนิยมของเขาสูงถึงร้อยละ 60 อย่างไรก็ตาม นักสิทธิมนุษยชนก็วิจารณ์ว่ารัฐบาลอินโดนีเซียพยายามจำกัดสิทธิเสรีภาพของ ประชาชนมากขึ้น โดยเดือนม.ค. ที่ผ่านมา วัยรุ่นคนหนึ่งถูกตัดสินจำคุกถึง 18 เดือนในข้อหาหมิ่นประมาณนายโจโกวีบนเฟซบุ๊ก
ทั้งนี้ ไม่มีบุคคลจากแวดวงใดของไทยติดโผผู้ทรงอิทธิพลของฟอร์บส์ในปีนี้
ที่มา: Forbes, Asian Correspondent