ไม่พบผลการค้นหา
เลือก ‘ส.ก.เพื่อไทย’ ให้ชนะขาดฟื้นคืนประชาธิปไตยให้คนกรุงเทพฯ กลับมาอยู่ดีกินดี ชู ‘5 นโยบาย’ ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจ่ายความมั่งคั่ง ช่วย “ชาววังทองหลาง-บางกะปิ” มีความหวังคืนความมั่งคั่งอีกครั้ง

ช่วงเย็นวานนี้ พรรคเพื่อไทย นำโดย วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. ณหทัย ทิวไผ่งาม กรรมการบริหารพรรคและกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. ขัตติยา สวัสดิผล อดีต ส.ส. บัญชีรายชื่อ และอนุรักษ์ เลิศวัฒนาไพบูลย์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตวังทองหลาง หมายเลข 9 ร่วมกันลงพื้นที่คอนโดสตูดิโอวัน ลาดพร้าว 102 พร้อมทั้ง นภัสสร พละระวีพงศ์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกะปิ หมายเลข 4 ที่ได้ร่วมกันลงพื้นที่แฟลตคลองจั่น เขตบางกะปิ เพื่อเปิดรับฟังและแลกเปลี่ยนความเห็นกับประชาชนผู้อยู่อาศัยในชุมชนและแลกเปลี่ยนแนวทางแก้ไขปัญหาค่าครองชีพพุ่งสูงแต่รายได้และค่าแรงยังคงตกต่ำ ซึ่งพรรคเพื่อไทยได้นำเสนอแนวนโยบาย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ เพื่อคืนความมั่นคั่งให้คนกรุงเทพฯ

นพ.พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช ที่ปรึกษาคณะกรรมการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง ส.ก. กล่าวว่า พรรคเพื่อไทยนำเสนอแนวนโยบาย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ เพื่อคืนความมั่นคั่งให้คนกรุงเทพฯ โดยเฉพาะการดูแลประสานงบประมาณของ กทม.ในส่วนที่ใช้ดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชน 15,000 ล้านบาท เพื่อมาให้ กทม. ดูแลเอง แล้วจัดระบบให้ดีเพื่อดูแลสุขภาพพี่น้องประชาชนอย่างถ้วนหน้าและทั่วถึง ให้มีโรงพยาบาลอยู่ใกล้กับพี่น้องประชาชนทุกพื้นที่ ตามนโยบาย ‘50 เขต 50 โรงพยาบาล ในส่วนของเรื่องการทำมาหากิน การหารายได้ของพี่น้องประชาชน พรรคเพื่อไทยมีนโยบายในการเพิ่มราย อาทิ 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์ ที่เราเชื่อว่าทุกชุมชนมีศักยภาพที่สามารถนำไปยกระดับเพื่อสร้างรายได้ให้พี่น้องประชาชน

นพ.พรหมมินทร์ กล่าวว่า ในส่วนของการลดรายจ่ายให้พี่น้องประชาชน เรามีนโยบาย ‘30 บาทถึงที่หมาย’ ที่ผ่านมาศึกษามาเพื่อบรรเทาทุกข์พี่น้องประชาชน ที่จะต้องจ่ายค่าเดินทางในแต่ละวัน เพื่อลดค่าครองชีพ และที่สำคัญคือเรามีนโยบาย ทั้งกองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี ที่มาจากประสบการณ์การทำนโยบายกองทุน SML ยุครัฐบาลพรรคไทยรักไทยและพรรคพลังประชาชน ซึ่งถ้าเรามี ส.ก.จำนวนมากเพียงพอในสภา กทม. เราก็จะสามารถประสานให้ผู้ว่าฯ กทม. รับฟังความต้องการและดำเนินนโยบายที่พี่น้องประชาชนต้องการได้  

“พลังของชาวกรุงเทพฯ คือพลังประชาธิปไตยของการเปลี่ยนแปลงที่อำนาจเผด็จการเกรงกลัว จึงปล่อยให้มีการเลือกตั้งเป็นเขตสุดท้าย วันนี้ เราต้องเลือกเพื่อไทยให้ชนะขาด ทุกเขตต้องชนะให้ได้ เพื่อให้คนกรุงเทพฯ ได้ประกาศศักดิ์ศรี หลังจากที่เขายึดอำนาจแล้วไม่ให้คนกรุงเทพฯ เลือกตั้งมา 12 ปีเต็ม เลือก ส.ก.พรรคเพื่อไทย เพื่อโอกาสที่จะกลับมากินดีอยู่ดีกันอีกครั้ง” นพ.พรหมินทร์ กล่าว  

อนุรักษ์ เลิศวัฒาไพบูลย์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตวังทองหลาง หมายเลข 9 กล่าวว่า การลงพื้นที่ในช่วงการระบาดของโควิด-19 เพื่อประสานงานและช่วยเหลือพี่น้องประชาชน ส่งผลให้ต้องติดเชื้อโควิดและต้องโชคร้ายที่บิดาต้องเสียชีวิตเพราะโควิด แต่ก็ไม่เคยทำให้ย่อท้อต่อการลงพื้นที่ดูแลพี่น้องประชาชน เพราะสิ่งที่ได้กลับมาคือพี่น้องชาววังทองหลางให้การต้อนรับในทุกพื้นที่อย่างอบอุ่น จึงอยากขอให้พี่น้องประชาชนให้โอกาสตนให้ได้สร้างวังทองหลางที่ดีกว่านี้ได้ 

นภัสสร พละระวีพงศ์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตบางกะปิ หมายเลข 4 กล่าวว่า กรุงเทพฯ ควรพัฒนาไปได้ไกลกว่านี้แล้วในช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา โดยเฉพาะช่วงสถานการณ์โควิด ดิฉันลงพื้นที่ประสานงานช่วยเหลือผู้ติดเชื้อในเขตบางกะปิ เห็นความทุกข์ยากของพี่น้อง พรรคเพื่อไทยจึงคิดนโยบายที่จะผลักดันเพื่อแก้ปัญหาและพัฒนากรุงเทพฯ อีกครั้ง จึงขอโอกาสจากพี่น้องประชาชนสนับสนุนให้ไปทำงานเพื่อผลักดันนโยบายที่จะคืนชีวิต โอกาสและคืนความมั่งคั่งให้คนกรุงเทพฯ