พรรคเพื่อไทย นำโดย วิชาญ มีนชัยนันท์ ประธานภาค กทม. และอดีตรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข, ปลอดประสพ สุรัสวดี อดีตรองนายกรัฐมนตรีและอดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี,ดนุพร ปุณณกันต์ เลขานุการการเลือกตั้ง และ มธุรส เบนท์ ผู้สมัคร ส.ก.เขตสะพานสูง เบอร์ 3
ลงพื้นที่เขตสะพานสูง ล้อมวงคุยกับพี่น้องประชาชน เพื่อรับฟังการสะท้อนปัญหาน้ำท่วม น้ำรอระบายในพื้นที่เขตสะพานสูง พร้อมนำเสนอตัวผู้สมัคร ส.ก. และนโยบายกรุงเทพฯ มั่งคั่ง ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ เพื่อแก้ไขปัญหาให้พี่น้องประชาชน
โดยตัวแทนชุมชนต่างๆ ในพื้นที่ร้องเรียนกับพรรคเพื่อไทยถึงปัญหาน้ำท่วมเรื้อรัง เนื่องจากไม่ได้มีการลอกท่อและลอกคลองจนตื้นเขิน หรือสร้างระบบช่วยผลักดันให้น้ำไหลได้สะดวก ผู้รับผิดชอบปล่อยให้มีผักตบชวาและขยะลอยเต็มไปหมด นอกจากนี้ยังจำเป็นจะต้องมีบ่อพักเพื่อดูดโคลนเลนก่อนถึงคอสะพานเพื่อแก้ไขปัญหาน้ำท่วมในชุมชน
ปลอดประสพ กล่าวว่า เรื่องน้ำท่วมเป็นปัญหาทั้งด้านเทคนิคและด้านงบประมาณ ในด้านเทคนิคจะต้องมีระบบและเครื่องมือในการดึงน้ำและทะลวงท่อให้ไหลสะดวกมากขึ้น ส่วนด้านงบประมาณ ซึ่ง กทม. วันนี้ ใช้งบประมาณกว่า 6 หมื่นล้านบาท แต่ปัญหาน้ำท่วมก็ยังอยู่ ดังนั้นจึงต้องผลักดันให้มีการบริหารจัดการเรื่องการลอกท่อ ลอกคลองระบายน้ำก่อนฤดูน้ำท่วม ตรวจสอบสิ่งกีดขวางที่อุดตันช่องทางระบายน้ำ รวมถึงอุโมงค์เพื่อเพิ่มทางระบายน้ำ รวมถึงการใช้เทคโนโลยีพยากรณ์น้ำท่วม วัดระดับน้ำฝน และจัดทำแอปพลิเคชันตรวจสอบระบบระบายน้ำ ได้ตลอดเวลาเพื่อแก้ปัญหาน้ำให้คนกรุงเทพอย่างยั่งยืน
มธุรส เบนท์ ผู้สมัคร ส.ก. เขตสะพานสูง เบอร์ 3 พรรคเพื่อไทย กล่าวว่า มีความตั้งใจอาสาดูแลพี่น้องประชาชนเขตสะพานสูง เมื่อเห็นปัญหาก็เชื่อว่าจะสามารถแก้ไขได้ โดยเฉพาะเรื่องน้ำท่วม น้ำรอระบายที่สร้างความเดือดร้อนให้พี่น้องชาวสะพานสูง ผู้มีหน้าที่รับผิดชอบก็นิ่งเฉย ดังนั้นจึงอาจจะต้องระดมความรู้จากทุกภาคส่วน โดยเฉพาะผู้เชี่ยวชาญในพรรคมากลั่นกรองเป็นนโยบายแก้ปัญหาอย่างเป็นระบบและนำมาเสนอให้พี่น้องทุกคนได้พิจารณา ซึ่งเชื่อมั่นว่านโยบายของพรรคเพื่อไทยจะสามารถทำได้จริงๆ และแก้ไขปัญหาได้อย่างแน่นอน
ดนุพร กล่าวว่า ตนเคยเป็น ส.ส.กทม. พื้นที่เขตสะพานสูง ในปี 2550 ดังนั้นจึงเข้าใจปัญหาและความต้องการของพี่น้องประชาชนเป็นอย่างดี โดยเฉพาะในสถานการณ์ที่พี่น้องประชาชนยากลำบากจากวิกฤตโควิดและวิกฤตเศรษฐกิจ พรรคเพื่อไทยจึงมีแนวนโยบาย ‘ลดรายจ่าย เพิ่มรายได้ กระจายความมั่งคั่งให้แก่คนกรุงเทพฯ อย่างถ้วนหน้า’ ซึ่ง 5 นโยบายหลัก ประกอบด้วย
กองทุนพัฒนาชุมชน 200,000 บาทต่อปี , 50 เขต 50 โรงพยาบาล , 30 บาทถึงที่หมาย , 437 สถานศึกษาพัฒนาสร้างรายได้ และ 50 เขต 50 ซอฟต์เพาเวอร์ ที่ตอบโจทย์ปัญหาและสามารถทำได้จริง ซึ่งพี่น้องประชาชนเชื่อมั่นได้ว่าปัญหาต่างๆ จะได้รับการแก้ไข เพราะวันนี้กรุงเทพฯ ควรเป็นกรุงเทพฯ ที่กินอิ่ม นอนหลับสุขภาพดีและมีความมั่นคั่งได้แล้ว