ไม่พบผลการค้นหา
‘ชวลิต’ จวก ส.ว.เมินสภาฯ ร่วมแก้ปัญหาวิกฤตโควิด-19 สะท้อนแนวคิดสืบทอดอำนาจ ชี้ฝ่ายค้านเร่งขอเปิดประชุมรัฐสภาสมัยวิสามัญแต่ถูกขวาง จวกนายกฯ ชูวาระแห่งชาติเป็นวาระจอมปลอมหลังเมินเร่งเปิดสภาฯ

นายชวลิต วิชยสุทธิ์ ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ระบุกรณี ส.ว.ท่านหนึ่งเสนอ 3 ฝ่าย คือ รัฐบาล, ส.ว.และข้าราชการ จับมือกันปฏิรูปประเทศแก้ไขภาวะวิกฤตไวรัสโควิด - 19 ระบาด และปัญหาเศรษฐกิจ ว่า จะเห็นได้ว่า ความเห็นในการแก้ไขปัญหาวิกฤตบ้านเมืองดังกล่าว ท่านกล่าวถึงการร่วมมือกันเฉพาะ 3 ฝ่ายเท่านั้น คือ รัฐบาล ส.ว.และประชาชน ท่านตัดสภาผู้แทนราษฏร ตัด ประธานสภาฯ ซึ่งเป็น ส.ส.และเป็น ประมุขฝ่ายนิติบัญญัติออกไปได้อย่างไร สะท้อนแนวคิดการสืบทอดอำนาจจากเผด็จการที่ท่านได้รับการแต่งตั้งจากหัวหน้า คสช.ที่ทำทุกวิถีทางเพื่อการสืบทอดอำนาจ จึงไม่ฟังเสียงผู้แทนประชาชน ส่งผลให้การแก้ไขปัญหาไม่สะท้อนความเดือดร้อนของประชาชนอย่างแท้จริง 

นายชวลิต ระบุว่านายชินวรณ์ บุณยเกียรติ ส.ส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นอีกท่านหนึ่งที่เมินสภา ทั้ง ๆ ที่เป็น ส.ส.อาวุโส เป็นรองประธานวิปรัฐบาล แต่แปลกใจที่ท่านไม่ให้ความสำคัญกับการใช้สภา ฯ เป็นเวทีอภิปรายปัญหาวิกฤตของบ้านเมืองเพื่อแก้ปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้ทันท่วงที แต่กลับเสมือนปกป้องให้ผู้สืบทอดอำนาจทำหน้าที่เพียงลำพัง ตามอำเภอใจ ขาดการชี้แนะจากผู้แทนประชาชนที่รับทราบปัญหาในแต่ละพื้นที่มาเต็มอกและยังกล่าวหาพรรคการเมืองฝ่ายค้านให้เสียหายว่า การขอเปิดสภาสมัยวิสามัญเป็นเรื่องการเมืองบ้าง ฝ่ายค้านหลงยุคบ้าง ซึ่งไม่เป็นความจริงแต่ประการใด ซี่งฝ่ายค้านได้ขอความร่วมมือรัฐบาลเปิดสภาสมัยวิสามัญตั้งแต่กลางเดือน มี.ค.ที่ผ่านมา เพื่อร่วมกันแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชนให้เป็นวาระแห่งชาติจริง ๆ ไม่ใช่วาระแห่งชาติจอมปลอมที่ปฏิบัติกันอย่างทุกวันนี้ ถ้ารัฐบาลเปิดสภาสมัยวิสามัญตั้งแต่เกิดวิกฤตใหม่ ๆ ในกลางเดือน มี.ค. ดังกล่าว พรรคฝ่ายค้านได้ตั้งเป้าจะพิจารณาเสนอแนะตามลำดับ ด้งนี้

1.เสนอพิจารณาปรับลดงบประมาณปี 2563 ในส่วนที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน แล้วนำงบที่ปรับลดได้นั้นไปสนับสนุนแพทย์ พยาบาล และบุคลากรทางสาธารณสุข ซึ่งเป็นด่านหน้าในการป้องกัน รักษาไวรัสโควิด - 19 ให้มีชุด PPE และหน้ากาก N 95 รวมทั้งอุปกรณ์การแพทย์ที่จำเป็นในการป้องกันตนเองอย่างพอเพียง อย่างทันสถานการณ์เป็นลำดับแรก

2. ในความตั้งใจแต่เดิม พรรคการเมืองฝ่ายค้านตั้งใจที่จะอภิปรายเสนอแนะปรับลด พ.ร.บงบประมาณปี 2563 โดยจะปรับลดงบประมาณที่ไม่จำเป็นเร่งด่วน มาเยียวยาประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนอย่างทั่วถึง รวดเร็ว ทันสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนได้ทันที จึงแปลกใจมากที่ ส.ส.อาวุโสอย่างท่านไม่เห็นประโยชน์ของการเปิดสภาสม้ยวิสามัญ เพราะเวลาเพียงวันเดียวที่เร็วขึ้น ก็มีความหมายมากสำหรับคนยาก คนจน เมื่อไม่ได้เปิดสภาสมัยวิสามัญ จึงเห็นความเดือดร้อนของประชาชนที่ไม่ได้รับการเยียวยาอย่างทันการณ์ บางครอบครัวถึงกับฆ่าตัวตาย และมีจำนวนมากเดินทางมาจากต่างจังหวัดมาประท้วงทึ่หน้ากระทรวงการคลังในสภาพที่น่าอเน็จอนาถ และยังมีประชาชนที่เดือดร้อนอีกมากมายในชนบทที่ตกหล่น เพราะหลักเกณฑ์การเยียวยายุ่งยาก

3. เมื่อนำงบประมาณปี 2563 ที่ปรับลดได้มาใช้ในการเยียวยาประชาชน จำนวนเงินที่จะขอกู้จาก จำนวน 1.9 ล้านล้านบาท ก็อาจกู้ในจำนวนลดลง ซึ่งก็จะลดภาระการกู้เงินของประเทศ เป็นประโยชน์กับประชาชนคนไทยทุกคน

4.นอกจากนี้ เมื่อได้พิจารณา พ.ร.ก.เงินกู้ได้เร็วขึ้น ก็สามารถนำงบประมาณไปใช้ประโยชน์ในการเยียวยาประชาชนได้เร็วขึ้น ตรงกันข้ามกับที่ขณะนี้เวลาล่วงเลยมา 3 เดือนแล้ว ยังมีประชาชนอีกจำนวนมากที่ยังไม่ได้รับการเยียวยาอย่างทั่วถึง ความเดือดร้อนก็ขยายวงกว้างจนยากจะแก้ไข

5. มีข้อสังเกตที่พรรคฝ่ายค้านเห็นความแตกต่างในการเยียวยาเจ้าสัวกับคนจน แตกต่างกันราวฟ้าดิน จึงตั้งใจจะเสนอแนะในการการพิจารณา พ.ร.ก.การรักษาเสถียรภาพของระบบการเงินและความมั่นคงทางเศรษฐกิจของประเทศ เพื่อตั้งกองทุน BSF อุ้มตราสารหนี้เจ้าสัว ในวงเงิน 400,000 ล้านบาท จะเห็นได้ว่า พ.ร.ก.ฉบับนี้ได้รับการวิพากษ์วิจารณ์อย่างยิ่งว่าเอื้อเจ้าสัวเกินเหตุ เจ้าสัวที่เป็นเศรษฐีติดอันดับ 1 - 20 ของประเทศ น่าจะสามารถช่วยตนเองได้ในระดับหนึ่ง หากมีการพิจารณาโดยเร็ว ทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลอาจมีความเห็นร่วมกันในการปรับลดเงินช่วยเจ้าสัว แล้วนำมาช่วยประชาชนที่เดือดร้อน ยากจน ได้มากขึ้น โดยแบ่งงบ 400,000 ล้านบาท มาช่วยคนยาก คนจนได้อีกจำนวนมาก

จากเหตุผลทั้ง 5 ประการดังกล่าวข้างต้น ล้วนเป็นการดำเนินการเพื่อแก้ไขความเดือดร้อนของประชาชน ซึ่งบรรดา ส.ส.ต่างได้รับข้อมูลความเดือดร้อนจากประชาชนมาทั้งสิ้น จะเห็นได้ว่า ส.ส.พรรคฝ่ายค้านทันเหตุการณ์ในการดูแลทุกข์ สุข ของประชาชน มิได้หลงยุคตามข้อกล่าวหาของท่านแต่ประการใด ตรงกันข้ามข้อมูลที่ได้รับมานั้นเป็นสถานการณ์ความเดือดร้อนของประชาชนเฉพาะหน้าที่ยากจนอย่างเฉียบพลัน สภา ฯ ซึ่งเป็นฝ่ายนิติบัญญัติควรใช้สภา ฯ เป็นเวทีแก้ไขปัญหาประชาชนตามระบอบระบอบประชาธิปไตย แต่ที่ไม่สบายใจก็ คือ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี หัวหน้ารัฐบาลได้ประกาศอย่างหนักแน่นว่า วิกฤตไวรัสโควิด - 19 เป็นวาระแห่งชาติที่ต้องการความร่วมแรง ร่วมใจ ในการฟันฝ่าวิกฤต แต่การที่รัฐบาลไม่ฟังข้อเสนอแนะอย่างสุจริต ไม่เปิดสภาสมัยวิสามัญเพื่อพิจารณาใช้เงินกู้อย่างรอบคอบ รัดกุม ดังนั้น วาระแห่งชาติที่ พล.อ.ประยุทธ์ กล่าวอย่างสวยหรู จึงเป็นวาระแห่งชาติจอมปลอม 

“ผมอยากเห็นการร่วมแรง ร่วมใจเป็นวาระแห่งชาติจริง ๆ ที่ทุกภาคส่วนร่วมกันพาคนไทย ประเทศไทย ฟันฝ่าวิกฤตไปได้ ผมยังหวัง ที่เราจะร่วมกันแปรวิกฤตครั้งนี้ให้เป็นโอกาสในหลาย ๆ มิติ ซึ่งขึ้นอยู่กับวิสัยทัศน์ในแต่ละภาคส่วนที่จะละประโยชน์ส่วนตน เพื่อประโยชน์ส่วนรวมอย่างไร” นายชวลิต ระบุ