นายสมศักดิ์ เทพสุทิน นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ, และนายอนุชา นาคาศัย พร้อมด้วย ส.ส. พรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) เดินทางมารายงานตัว ส.ส. ที่สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา (เกียกกาย) โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า หลังจากที่คณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ประกาศจำนวนตัวเลข ส.ส. ของแต่ละพรรคการเมือง ทำให้เกิดความมั่นใจได้ว่าฝ่ายที่พยายามที่จะจัดตั้งรัฐบาลตั้งแต่แรกมีจำนวนตัวเลข ส.ส. ไม่ถึง 250 ที่นั่ง พรรคพลังประชารัฐจึงมีความชอบธรรมที่จะดำเนินการต่อไป ซึ่งมั่นใจว่าพรรค พปชร. จะจัดตั้งรัฐบาลได้แน่นอน 100 เปอร์เซ็นต์ แต่หากพรรคเพื่อไทยและพรรคอนาคตใหม่ไม่พอใจการคำนวณ ส.ส. แบบัญชีรายชื่อก็สามารถดำเนินการทางกฎหมายได้
ส่วนการจัดตั้งรัฐบาล พรรคมีคณะกรรมการที่ทำหน้าที่นี้อยู่แล้ว ตนเป็นเพียงแค่กองเชียร์ และกรณีการจัดตั้งรัฐบาลที่มีเสียงปริ่มน้ำเกิน 250 เสียงไม่มากนั้น ตนเคยเห็นบางครั้งรัฐบาลมีเสียงจำนวนมาก แต่ก็อยู่ได้ไม่นาน ขณะที่รัฐบาลเสียงปริ่มน้ำหากทุกคนรักสามัคคีทำความเข้าใจกันทุกคนก็อยู่ได้ ขึ้นอยู่กับการบริหารจัดการของรัฐบาลที่จะทำความเข้าใจกับพรรคการเมืองให้ลงตัว ขณะเดียวกันจำนวนพรรคร่วมรัฐบาลก็ไม่ใช่อุปสรรค อยู่ที่การบริหารจัดการทำความเข้าใจกัน และก็เป็นเรื่องของการจัดสรรโควต้าอย่างที่ทุกคนเข้าใจ แต่จากการพูดคุยกันพี่น้องประชาชนก็ไม่ได้หวังให้ครบ ปีกันอยู่แล้ว
ส่วนกรณีที่นายสุชาติ ตันเจริญ ส.ส.ฉะเชิงเทรา พรรคพลังประชารัฐเสนอตัวทำหน้าที่ประธานสภานั้น ส่วนตัวเชียร์ เพราะเป็นคนที่มีคุณสมบัติเหมาะสม ส่วนคนที่จะมาเป็นนายกรัฐมนตรีตนมั่นใจว่าจะต้องเป็น พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา แน่นอน นอกจากนี้ตนยังเห็นว่าบุคลากรที่นายกรัฐมนตรีจะเรียกมาทำงานก็มีมากกว่าเดิม โอกาสที่พี่น้องประชาชนจะได้รับประโยชน์ก็มีมากขึ้น ทั้งนี้นายสมศักดิ์ ปฏิเสธที่จะตอบคำถามว่าต้องการนั่งเก้าอี้รัฐมนตรีกระทรวงใด เพราะยังเร็วเกินไป ตอบเพียงว่า แต่ตอนนี้ยังเตะบอลไหว มีแรงทำงาน
ด้านนายสุริยะ ปฏิเสธตอบคำถามว่าจะนั่งตำแหน่งใดในรัฐบาล แต่มั่นใจว่า พรรคเล็กจะอยากมาร่วมกับพรรคพลังประชารัฐแน่นอน ส่วนเป็นรัฐบาลเสียงปริ่มน้ำจะอยู่ได้นานหรือไม่ขึ้นอยู่กับผลงานและแก้ปัญหาให้พี่น้องประชาชนได้ พร้อมยกตัวอย่างในอดีต รัฐบาลที่มี 378 เสียง แต่ทำโครงการไม่ดี ก็อยู่ไม่ได้นาน
กรณ์ กั๊กตอบ ปชป. ร่วมรัฐบาล พปชร.
ขณะที่นายกรณ์ จาติกวณิช รักษาการรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้สมัครหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ปฏิเสธตอบคำถามว่าพรรคจะร่วมมือกับพรรคพลังประชารัฐจัดตั้งรัฐบาลหรือไม่ แต่ตอบเพียงว่า ตนมีความภูมิใจมากที่ได้มีโอกาสกลับเข้ามารัฐสภาอีกครั้ง เข้ามาติดบัตรสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และมีความพร้อมที่จะกลับมารับใน้องประชาชน ขอให้คำมั่นในนามของพรรคปาะชาธิปัตย์ว่าตนและเพื่อสมาชิกพรรคจะปฏิบัติหน้าที่ด้วยความตั้งใจ ซื่อสัตย์ สุจริต และทำตามมาตรการที่พรรคเคยหาเสียงไว้ คือการแก้จน สร้างคน สร้างชาติ และขอย่ำว่าทุกคนมีความตั้งใจและมีความภาคภูมิใจที่จะกลับเข้ามาในรัฐสภาที่มีความเป็นประชาธิปไตยอีกครั้ง
ประชาธิปไตยใหม่พร้อมโหวต 'ประยุทธ์' นายกฯ
ด้านนายสุรทิน พิจารณ์ ส.ส. บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธิปไตยใหม่ ซึ่งเป็นหนึ่งใน 11 พรรคเล็ก ที่ถือเป็นตัวแปรสำคัญ โดยนายสุทิน ได้ขอบคุณหนึ่งคะแนนเสียงที่ได้รับและยืนยันจะทำงานเพื่อประชาชนให้ได้มากที่สุดพร้อมด้วยว่าที่ประชุมได้มอบหมายว่าหัวหน้าพรรคจะต้องเป็นรัฐบาลเท่านั้นไม่ว่าจะเข้าร่วมกับฝ่ายใดก็ตาม ส่วนตัวไม่ติดใจเรื่องคุณสมบัติของพล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เนื่องจากได้ถูกเสนอชื่อเป็นแคนดิเดตนายกรัฐมนตรีตามกระบวนการของกฎหมาย
ทั้งนี้ นายสุรทิน ยืนยันด้วยว่า พรรคประชาธิปไตยใหม่ จะร่วมกับพรรคไทยรักธรรม และพรรคพลังธรรมใหม่ แต่จะไม่รวมกับพรรคเล็กอื่น พร้อมจะใช้ม็อบเกษตรกรเป็นเครื่องมือต่อลอง และหากได้รับการเสนอให้เป็นรัฐมนตรีก็พร้อมตอบรับทันที
ขณะที่ นพ.ระวี มาศฉมาดล หัวหน้าพรรคพลังธรรมใหม่ ให้สัมภาษณ์ว่า แนวทางของพรรคจะร่วมรัฐบาลหรือไม่ต้องฟังเสียงสมาชิกทั่วประเทศ ซึ่งจะมีการนัดใน 2-3 วันนี้ เพื่อประชุมและสรุปในเรื่องดังกล่าว โดยที่ผ่านมาได้มีการพูดคุยกับทุกฝ่ายเป็นปกติตั้งแต่ก่อนเลือกตั้ง ทั้งฝั่งพรรคพลังประชารัฐ และพรรคเพื่อไทย ดังนั้นหากร่วมงานกับฝ่ายใด ต้องดูว่าพรรคอันดับ 1 สามารถจัดตั้งรัฐบาลได้หรือไม่ หรือจะต้องเป็นพรรคอันดับ2 และ 3ในการจัดตั้ง
ทั้งนี้ยืนยันว่าแนวทางการทำงานของพรรคแม้ว่าหากเป็นฝ่ายค้านอิสระก็พร้อมยกมือให้รัฐบาลหากดำเนินการที่ถูกต้องและพร้อมค้านในสิ่งที่ผิด ซึ่งหากไม่เข้าร่วมรัฐบาล 1 เสียงของพรรคจะสามารถขับเคลื่อนนโยบายด้านพลังงานของพรรคได้หรือไม่กำลังพูดคุยกับพรรคอื่น โดยพบว่า ส.ส.กว่า 20 คน เห็นด้วยกับแนวทางนี้ จึงคิดน่าจะได้เสียงมากพอสมควรในการสนับสนุนนโยบายนี้ของพรรค
ส่วนการเป็นฝ่ายค้านอิสระ จะสามารถยกมือให้พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา เป็นนายกรัฐมนตรีต่อหรือไม่ นพ.ระวีกล่าวว่า ถ้าทำถูกก็สามารถยกมือให้ได้ แต่การยกมืออยู่ในหลักการ
ขณะที่ นายพิเชษฐ สถิรชวาล หัวหน้าพรรคประชาธรรมไทย ออกมายืนยันว่า 11 พรรคเล็ก จะไปไหนไปด้วยกัน นพ.ระวี ย้ำว่า จะต้องใช้แนวทางของพรรคเป็นหลัก แต่มองว่าตอนนี้ยังเร็วไปที่ และคาดว่า 11 พรรคเล็กจะหารืออีกครั้งภายหลัง
หลังจาก กกต. ประกาศรับรองผล ส.ส. ทั้งแบบแบ่งเขตและบัญชีรายชื่อแล้ว ในวันที่ 2 ของการรับรายงานตัว ที่สำนักเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร รัฐสภา (เกียกกาย) มี ส.ส. เข้ารายงานตัวต่อเนื่องรวม 71 คน โดยมารายงานตัวเมื่อวันที่ 8 พ.ค. มี27 คน และในช่วงเช้าวันที่ 9 พ.ค. 44 คน
รวมถึงอีกหลายคนจากพรรคพลังประชารัฐโดยเฉพาะกลุ่มสามมิตรนำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และนายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคพลังประชารัฐ
ส่วน ส.ส.พรรคอื่นๆ เข้ามารายงานตัวอย่าง พรรคประชาธิปัตย์ อาทิ นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส. นครศรีธรรมราช, น.ส.แนน บุณย์ธิดา สมชัย ส.ส. อุบลราชธานี และพรรคภูมิใจไทย อาทิ นายสิริพงศ์ อังคสกุลเกียรติ ส.ส. ศรีสะเกษ, นายณัฏฐ์ชนน ศรีก่อเกื้อ ส.ส. สงขลา, และพรรคเพื่อไทยมี นางผ่องศรี แซ่จึง ส.ส. ศรีสะเกษ
นอกจากนี้ ส.ส. พรรคเล็กก็เข้ามารายงานตัวเช่นกันเริ่มที่ พรรครวมพลังประชาชาติไทย น.ส.อนุสรี ทับสุวรรณ ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรครวมพลังประชาชาติไทย นายพิเชษฐ์ สถิตชวาล ส.ส.บัญชีรายชื่อ พรรคประชาธรรมไทย ที่ประกาศจุดยืนพร้อมร่วมรัฐบาลกับทุกฝ่าย โดยขอตัดสินใจด้วยตัวเองไม่หารือกับพรรคเล็กอื่นๆ
เลขาฯสภาเผยเล็งใช้หอประชุม มธ.ท่าพระจันทร์โหวตนายกฯ
ด้าน นายสรศักดิ์ เพียรเวช เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร กล่าวถึงการรายงานตัว ส.ส. ว่าผ่านไป 2 วันภาพรวม เป็นไปโดยเรียบร้อยมีอุปสรรคเพียงไฟตกก่อนการรับรายงานตัววันแรกเท่านั้น ส่วนกระบวนการหลังจาก กกต. ประกาศรับรอง ส.ส. รัฐธรรมนูญกำหนดให้มีรัฐพิธีเปิดประชุมรัฐสภาภายใน 15 วัน และส่วนใหญ่หลังจากรัฐพิธีภายใน 3 วัน จึงจะมีประชุมสภาผู้แทนราษฎรและวุฒิสภานัดแรกเพื่อเลือกประธานสภาทั้งสอง
ส่วนการเตรียมสถานที่ประชุมรัฐสภาเพื่อเลือกนายกรัฐมนตรี เลขาธิการสภาผู้แทนราษฎรบอกว่า เบื้องต้นเตรียมห้องประชุมใหญ่สำนักงานทีโอทีแจ้งวัฒนะไว้ แต่อาจต้องใช้เก้าอี้เสริม เพราะมีจำนวนไม่ครบ 750 คน โดยมีแผนสำรองว่าอาจใช้หอประชุมใหญ่ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ท่าพระจันทร์ ซึ่งประธานสภาผู้แทนราษฎรคนใหม่จะเป็นผู้ตัดสินใจ
'วัน อยู่บำรุง' รายงานตัวเป็น ส.ส. - ไม่ขอเทียบมาตรฐาน 'อยู่บำรุงผู้พ่อ'
ฝั่งพรรคเพื่อไทย นายวัน อยู่บำรุง ส.ส.กทม.เขตบางบอน - หนองแขม พรรคเพื่อไทย กล่าวหลังรายงานตัวว่า ขอบคุณทุกคะแนนเสียงที่ประชาชนมอบให้ หลังพยายามเข้าสู่เวทีการเมืองมากว่า 18 ปี รอล้างตากับคู่แข่งมา 8 ปี จึงประสบความสำเร็จครั้งนี้ ถือว่าชาวบางบอน-หนองเเขม ให้กำเนิดชีวิตทางการเมืองของตัวเอง พร้อมยืนยันจะทำหน้าที่ให้ดีที่สุด แต่ไม่ขอเทียบมาตรฐานกับผู้เป็นบิดา เพราะได้สร้างมาตรฐานทางการเมืองไว้สูง ตัวเองถือเป็นนักการเมืองหน้าใหม่ โดยวันนี้ได้พานายอาชวิน อยู่บำรุง หรือ "กาโม่" บุตรชาย มาด้วย เพื่อให้เรียนรู้และสัมผัสการทำงานการเมือง เหมือนกับตัวเองสมัยยังเด็กที่มักได้ติดตาม ร.ต.อ.เฉลิม เสมอๆ แต่ย้ำด้วยว่างานการเมืองไม่ใช่มรดกของวงค์ตระกูลใด เพียงแต่ให้บุตรชายได้สัมผัสเพื่อประกอบการตัดสินใจเลือกทางเดินในอนาคต ส่วนทางพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้คุยเรื่องการทำงานว่าจะอยู่ส่วนไหนของพรรค
ข่าวที่เกี่ยวข้อง