วันนี้ (11 ส.ค. 61) ที่บ้านทรงไทย ของนายภิรมย์ พลวิเศษ บ้านโคกสะอาด ต.ด่านช้าง อ.บัวใหญ่ จ.นครราชสีมา นายสมศักดิ์ เทพสุทิน และ ภิรมย์ พลวิเศษ แกนนำกลุ่มสามมิตรพบปะและรับฟังปัญหาจากตัวแทนประชาชนในเขตอำเภอบัวใหญ่ และอำเภอใกล้เคียง 8 อำเภอ ของจังหวัดนครราชสีมา จำนวนกว่า 1,000 คน
โดยนายคำพันธ์ บุญยืด ตัวแทนกลุ่มประชาชน อ.บัวใหญ่ เสนอให้กลุ่มสามมิตรติดตามทวงถามรัฐบาลกรณี อำเภอบัวใหญ่และอีก 7 อำเภอ ขอแยกตัวออกจากจังหวัดนครราชสีมาตั้งเป็น 'จังหวัดบัวใหญ่' โดยให้เหตุผลเรื่องของการคมนาคมที่ห่างไกลจากตัวจังหวัดนครราชสีมากว่า 100 กม. อีกทั้งจังหวัดนครราชสีมามีพื้นที่การปกครองถึง 32 อำเภอ ซึ่งกว้างใหญ่และการจัดสรรงบประมาณในการพัฒนาก็ไม่ครอบคลุมทั่วถึง
ก่อนหน้านี้ตัวแทนชาวอำเภอบัวใหญ่และอำเภอใกล้เคียงเคยยื่นหนังสือขอแยกเป็นจังหวัดบัวใหญ่ต่อกระทรวงมหาดไทยแล้วแต่เรื่องก็เงียบหายโดยนายคำพันธ์ฯได้เรียกร้องให้พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 ประกาศตั้ง 'จังหวัดบัวใหญ่' ในเร็ววันนี้
นอกจากนี้ นายเสรี นามพิบูลย์ กำนันตำบลโนนเพชร อ.ประทาย ตัวแทนของกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน ได้เรียกร้องให้กลุ่มสามมิตรผลักดันให้รัฐบาลและพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ประกาศขึ้นเงินเดือนให้กับกำนัน เป็น 15,000 บาท,ผู้ใหญ่บ้าน เป็น 12,000 บาท และผู้ช่วยใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน และแพทย์ประจำตำบลทั่วประเทศ เป็น 9,000 บาท เพื่อให้เพียงพอกับค่าครองชีพและรายจ่ายที่สูงขึ้นในแต่ละเดือน
ทั้งนี้ กำนัน-ผู้ใหญ่บ้านทำงานหนักให้กับส่วนราชการทุกกระทรวง จึงเห็นควรปรับขึ้นเงินเดือนค่าตอบแทนอย่างยิ่ง โดยตัวแทนของประชาชนระบุว่า ถ้ากลุ่มสามมิตรสามารถผลักดันให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ดำเนินการทั้งสองเรื่องนี้ได้ชาวอำเภอบัวใหญ่และอีก 8 อำเภอ จะเลือกผู้สมัคร ส.ส.ของพรรคการเมืองที่นำโดย พล.อ.ประยุทธ์ และกลุ่มสามมิตร เข้าสู่สภาอย่างถล่มทลายแน่นอนท่ามกลางเสียงปรบมือจากประชาชนที่มาร่วมฟังอย่างกึกก้อง
ด้านนายสมศักดิ์ เทพสุทิน แกนนำกลุ่มสามมิตรกล่าวว่า การขอตั้งจังหวัดบัวใหญ่โดยแยกออกจาก จ.นครราชสีมานั้นเป็นความต้องการของประชาชนจาก 8 อำเภอ ซึ่งเล็งเห็นถึงความจำเป็นด้านการคมนาคมที่ห่างไกลและการได้รับงบประมาณในการพัฒนาที่ไม่เพียงพอเนื่องจาก จ.นครราชสีมา ที่มีพื้นที่กว้างถึง 32 อำเภอ ทำให้ประชาชนชาว อ.บัวใหญ่ และอีก 8 อำเภอ เสียโอกาสในการพัฒนาทุกด้าน
ฉะนั้นกลุ่มสามมิตรจึงจะนำเรื่องนี้เสนอต่อกระทรวงมหาดไทยและ พล.อ.ประยุทธ์ เพื่อให้มีการผลักดันให้เกิดเป็นรูปธรรมในเร็ววันนี้ ส่วนเรื่องการเรียกร้องให้รัฐบาลปรับขึ้นเงินเดือ��ค่าตอบแทนให้กับกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน สารวัตรกำนัน ผู้ช่วยผู้ใหญ่บ้านและแพทย์ประจำตำบลนั้นเป็นแนวคิดที่ตรงกันกับกลุ่มสามมิตรและเป็นตัวเลขและเพดานเงินเดือนที่เป็นไปได้ซึ่งเราจะนำเสนอให้รัฐบาลรับไปพิจารณาเช่นเดียวกัน
นายสมศักดิ์ กล่าวถึงแผนการเดินทางไปพบปะกับนักการเมืองและกลุ่มอาชีพต่างๆ ว่า ในสัปดาห์นี้กลุ่มสามมิตรมาที่ จ.นครราชสีมา และจะไป อ.บ้านไผ่ จ.ขอนแก่น และ อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม โดยจะใช้เวลาอยู่ในพื้นที่ภาคอีสานอีก 2 สัปดาห์ จากนั้นจะไปทางภาคเหนือและภาคกลางตามที่มีหลายกลุ่มโทรมาตามอยากจะแลกเปลี่ยนและนำเสนอปัญหากับกลุ่มสามมิตร
ส่วนการเข้าสังกัดพรรคพลังประชารัฐนั้น นายสมศักดิ์ กล่าวว่า มาถึงวันนี้เรื่องของพรรคการเมืองยังไม่ชัดเจนเพราะยังมีข้อกฎหมาย และอีกหลายอย่างที่พรรคเขาจะต้องดำเนินการถ้ากลุ่มสามมิตรไปพัวพันกับพรรคการเมืองก็จะทำให้เกิดความยุ่งยากกับพรรคการเมืองนั้นๆ ไปอีก
รวมถึงเรื่องวันเวลาของการเลือกตั้งก็ยังไม่ชัดเจน ถ้ามีความชัดเจนเมื่อไหร่เราตัดสินใจไม่นานวันเดียวก็จบแล้วเรื่องการสังกัดพรรคเป็นเรื่องเล็กน้อยมาก แต่เรื่องที่ใหญ่คือการช่วยกันแก้ไขปัญหาของพี่น้องประชาชนและเกษตรกรในชนบทถ้ากลุ่มสามมิตรสามารถเก็บประเด็นปัญหาได้ทั้งหมดก็จะทำให้รัฐบาลช่วยประชาชนได้ตรงเป้าหมาย งบประมาณปีหนึ่ง 3 ล้านล้านเศษ ถ้าเอามาช่วยพี่น้องเกษตรกรแค่ร้อยละ 10 หรือประมาณ 3 แสนล้านบาท ก็จะสามารถทำให้ประชาชนอยู่ดีกินดีขึ้นได้อย่างแน่นอน ซึ่งกลุ่มสามมิตรก็จะเป็นตัวแทนของประชาชนนำเสนอปัญหานี้ต่อรัฐบาล
ด้านนายภิรมย์ พลวิเศษ เลขากลุ่มสามมิตร กล่าวว่า ในช่วงเช้าวันนี้ (11 ส.ค. 2561) กลุ่มสามมิตร นำโดยนายสมศักดิ์ เทพสุทิน และคณะจะเดินทางไปยังห้องประชุมประชาเมืองใหม่ เทศบาลเมืองบ้านไผ่ จ.ขอนแก่น เพื่อร่วมกับนายแพทย์เปรมศักดิ์ เพียยุระ อดีต ส.ส.ขอนแก่น พบปะกับประชาชนเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาของตัวแทนกลุ่มเกษตรกรและตัวแทนกลุ่มอาชีพต่างๆ ในอำเภอบ้านไผ่ และอำเภอใกล้เคียงกว่า 200 คน เพื่อเก็บข้อมูล
จากนั้นช่วงบ่ายคณะจะเดินทางไปยัง อ.โกสุมพิสัย จ.มหาสารคาม ร่วมกับนายโกศล คาดพันโน รองนายก อบจ.มหาสารคาม เพื่อพบปะแลกเปลี่ยนความคิดเห็นและรับฟังปัญหาจากกลุ่มประชาชนและเกษตรกรเช่นเดียวกัน หลังจากนั้นกลุ่มสามมิตรก็จะสรุปประเด็นปัญหานำเสนอต่อรัฐบาลของพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา เพื่อนำไปหาแนวทางแก้ไขต่อไป
“สามมิตรเคลื่อนไหวเพื่อสะท้อนปัญหาให้ประชาชนได้ประโยชน์และนำไปสู่การแก้ไข นี่คือผลประโยชน์ที่สามมิตรได้รับ มาวันนี้สามมิตรกล้าที่จะแข่งทำความดีกับพรรคเพื่อไทยและคำตอบสุดท้ายอยู่ที่ประชาชนว่าจะไว้วางใจให้ใครเข้าไปเป็นผู้แทนราษฎร” นายภิรมย์ กล่าว
ทั้งนี้ นายภิรมย์ ยังกล่าวถึงกรณีนายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุว่า กลุ่มสามมิตรเคลื่อนไหวเพื่อผลประโยชน์และถ้าอดีต ส.ส.พรรคเพื่อไทยคนใดย้ายไปตามแรงดูดเพราะต้องการเงินจะสอบตกแน่นอนนั้น ว่า กลุ่มสามมิตรไม่ได้คำนึงถึงว่าใครจะสอบได้สอบตก แต่ให้ความสำคัญเรื่องของปากท้อง ความเป็นอยู่ของประชาชนมากกว่า มาถึงวันนี้รัฐบาลของ พล.อ.ประยุทธ์ สามารถตอบโจทย์เรื่องดังกล่าวได้เป็นเบื้องต้นแล้ว โอกาสข้างหน้าถ้าสร้างความเข้มแข็งให้กับคนยากคนจนเขาก็จะอยู่ได้ซึ่งก็จะเป็นดัชนีชี้วัดว่ากลุ่มสามมิตรทำงานแล้วประสบความสำเร็จ
อ่านเพิ่มเติม: