ไม่พบผลการค้นหา
‘สมคิด’ แฉ ‘ประยุทธ์’ ทิ้งเด็กจบใหม่เตะฝุ่น แต่ยัดลูกชาย-ลูกสาว ‘แรมโบ้’ เข้าทำงานตำรวจ ได้ตำแหน่งรองสารวัตรฯ แม้เรียนจบไม่ตรงสาย จวกเอาภาษีประชาชนมาให้ครอบครัวเดียวหรือ ลั่นเบิ้ดคำสิเว่า

วันที่ 21 ก.ค. 2565 ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร ครั้งที่ 13 (สมัยสามัญประจำปีครั้งที่หนึ่ง) เป็นพิเศษ ญัตติขอเปิดอภิปรายไม่ไว้วางใจรัฐมนตรีเป็นรายบุคคล สมคิด เชื้อคง ส.ส.อุบลราชธานี พรรคเพื่อไทย อภิปราย พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม โดยมุ่งเน้นไปที่ประเด็นขององค์กรตำรวจ และกล่าวหาว่า พล.อ.ประยุทธ์ ไม่สามารถแก้ไขปัญหาอาชญากรรม สร้างความเหลื่อมล้ำในสังคม ด้วยการเอื้อประโยชน์บุคคลที่แวดล้อมให้ได้รับประโยชน์

พล.อ.ประยุทธ์ ในฐานะผู้ดูแลสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (ตร) และใช้งบประมาณแผ่นดินดำเนินการเป็นหลัก และมี พล.ต.อ.สุวัฒน์ แจ้งยอดสุข ผบ.ตร. เป็นผู้บริหารจัดการ แต่เวลานี้สังคมประสบปัญหาบัณฑิตใหม่ตกงาน แต่มีคนบางกลุ่มได้งานโดยอาศัยเส้นสายผ่าน ตร. ตนจำเป็นต้องพูดซ้ำอีกครั้ง เนื่องจากยังไม่ได้รับการแก้ไข และด้วยระบบเส้นสาย ส่งผลให้การทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ นำมาสู่ปัญหาอาชญากรรมที่เพิ่มขึ้น โดยที่ตำรวจได้แต่มองตาปริบๆ

“มีลูกชายกับลูกสาวนักการเมืองคนหนึ่ง ที่ติดกับ พล.อ.ประยุทธ์ เรียกว่าจะเป็นจะตายแทนกันได้ เอาลูกเข้าตำรวจ คนอื่นเข้าผมก็ยังไม่เอะใจ ลูกอดีต ผบ.ตร.อาจจะเข้า พ่อแม่เป็นตำรวจก็อยากให้ลูกเป็น ไม่ผิด ผมยังพอทำใจรับได้ อย่างน้อยคนที่เป็นตำรวจใหญ่ๆ ก็ได้สร้างคุณงามความดีให้กับองค์กรของเขา แต่เรื่องนี้ พล.อ.ประยุทธ์ จัดการให้คนคนหนึ่ง ตอนแรกชื่อ สุพร ภายหลังท่านเรียนสูงขึ้น ดอกเตอร์ ก็เป็น เสกสกล อัตถาวงศ์”

สมคิด ระบุว่า เสกสกล ในฐานะผู้ช่วยนายกรัฐมนตรี เป็นผู้ตามติด พล.อ.ประยุทธ์ ชนิดที่เป็นเงาตามตัว จนมีคลิปอื้อฉาวจึงต้องลาออก แต่ลูกของ เสกสกล ได้เป็นตำรวจด้วยเส้นสาย โดยเอ่ยนาม ร.ต.อ.เจตนารมณ์ อัตถาวงศ์ รองสารวัตร ฝ่ายอำนวยการ 5 กองบังคับการสืบสวนกลาง บุตรชาย บรรจุเมื่อ 2564 และ จิตปรารถนา ไม่ระบุนามสกุล บุตรสาว บรรจุเมื่อ 2565 พร้อมระบุว่าตนมีหลักฐานภาพ แต่ไม่เปิดเผย เนื่องจากเห็นแก่เยาวชน

“ผมถึงบางอ้อ มิน่าล่ะ คนเป็นพ่อถึงสู้เป็นสู้ตาย เถียงข้างๆ คูๆ ช่วย พล.อ.ประยุทธ์ โดยไม่ลืมหูลืมตา เพราะเหตุนี้ การแต่งตั้งเอาผลประโยชน์เอื้อพวกพ้องตัวเอง เวลาแต่งตั้ง เขาเรียกตำรวจมา ผบ.ตร. มีอำนาจจริงในการยกเว้นกฎระเบียบต่างๆ ทำไมบังเอิญขนาดนั้น ทั้งลูกชายลูกสาว ดีไม่เอาพี่ชายมาด้วย เด็กจบใหม่ได้แต่มองตาปริบๆ ไม่มีโอกาส”

แน่นอนว่าข้าราชการตำราจอาจจะเกรงใจกัน แต่ตนในฐานะผู้แทนต้องพูด เนื่องจากเป็นภาษีของประชาชน ตนไม่คิดว่า พล.อ.ประยุทธ์ จะกล้าทำ และคงปฏิเสธว่าตนไม่มีอำนาจสั่งการ แต่ในเมื่อท่านดูแล ตร. ก็อาจจะสั่งการกันได้ แต่ป้ญหาคือเงินภาษีของประชาชนไปอยู่ที่ครอบครัวเดียวหรือ แล้วจะปฏิรูปองค์กรตำรวจได้อย่างไร ภายใต้การแข่งขันที่ไม่เป็นธรรมเช่นนี้ ทำแบบนี้เรียกว่า “เบิ้ดคำสิเว่า” ไม่รู้จะพูดอะไรแล้วกับบ้านเมืองนี้ ข้าราชการตำรวจตั้งแต่บรรจุจนเกษียณต้องใช้เงินประมาณ 32 ล้านบาทต่อคน ตั้งมา 2 คน ก็เป็นภาษี 64 กว่าล้านบาท โดยที่ไม่มีศักยภาพทำงานให้หน่วยอย่างเต็มที่

“นี่เป็นประเด็นเล็กๆ แต่สะท้อนให้เห็นว่าคนใกล้ชิดที่ดูแลบางเรื่องให้ท่าน ทำในสิ่งที่ไม่ดีไม่ควร แล้วจะให้พวกผมไว้วางใจได้อย่างไร ที่พวกผมอภิปรายไม่ไว้วางใจก็เพราะเหตุนี้ ท่านอย่าเลี่ยง ท่านต้องตอบเรื่องนี้ ว่าตั้งได้อย่างไร เพราะเหตุผลอะไร คนที่ใกล้ชิดท่านอีกไม่รู้กี่คน ยิ่งใหญ่กันเหลือเกิน ผมเห็นใจลูกหลาน ไม่ใช่ความผิดของเด็กๆ ความผิดของคนแต่งตั้ง ท่านต้องจำไว้ ท่านไม่ได้จ่ายเงินเอง” สมคิด กล่าว