วันที่ 20 ก.ค. 2566 ที่พรรคเพื่อไทย นพ. ชลน่าน ศรีแก้ว ส.ส.น่าน หัวหน้าพรรคเพื่อไทย ระบุหลังการประชุมกรรมการบริหารพรรค ว่าวันนี้คณะเจรจาพรรคก้าวไกลและพรรคเพื่อไทย ได้พูดคุยแนวทางเบื้องต้น ซึ่งก้าวไกลขอไปหารือภายในพรรคก่อน แล้วจะมาหารือกับพรรคเพื่อไทยอีกครั้ง ส่วนคณะกรรมการบริหารของพรรคเพื่อไทย ยังไม่ได้มีการพูดคุยประเด็นชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี  ทั้งนี้ คณะกรรมการบริหารพรรคได้มอบหมายให้หัวหน้าพรรคเป็นผู้พิจารณา ถึงเวลาที่เหมาะสมจะเสนอชื่อแคนดิเดตคนใด ส่วนชื่อ เศรษฐา ทวีสิน แคนดิเดตนายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทย จะนำเหตุผลทุกอย่างมาประกอบการ แต่การที่จะประกาศชื่อว่าเสนอชื่อใครเป็นนายกรัฐมนตรี จะต้องรอหลังวันที่ 25 ก.ค.นี้ ถึงจะมีความชัดเจน 

ส่วนระหว่างนี้ จำเป็นที่จะต้องไปพูดคุยกับส.ว.หรือไม่นั้น นพ.ชลน่านระบุว่า จะต้องรอให้พรรคก้าวไกลหารือภายในพรรคให้จบ แล้วมาแจ้งให้พรรคเพื่อไทยได้ดำเนินจัดตั้งรัฐบาล ซึ่งพรรคจะเริ่มเดินสายหาเสียงมาสนับสนุนเพิ่ม อีกทั้งหากเป็นชื่อแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี เป็นชื่อ เศรษฐาจริง ทางพรรคก้าวไกลก็ไม่ติดใจอะไร และไม่ขัดข้อง ซึ่งพรรคก้าวไกลไม่ติดใจว่าแคนดิเดตของพรรคเพื่อไทยจะเป็นใคร โดยพรรคก้าวไกลแจ้งว่า ขอเพียงแต่ขอไปดำเนินตามกระบวนการของพรรคก่อน รวมถึงจะส่งไม้ต่อให้กับพรรคเพื่อไทยเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเมื่อไร ซึ่งทางพรรคก้าวไกลได้สอบถามถึงท่าทีของพรรคเพื่อไทย จะมีพรรคการเมืองใดรวมมาเพิ่มเสียงหรือไม่ 

ส่วนสาเหตุที่ยังไม่สามารถประกาศชื่อแคนดิเดตนายกของพรรคได้ขณะนี้ เพราะต้องดูสถานการณ์ และการดำเนินการทั้งหมด ว่ามีความชัดเจนและมีความมั่นใจมากขนาดไหนในการเสนอชื่อเศรษฐา เพราะ เป้าหมายของพรรคเพื่อไทยคือ เสนอไปแล้วต้องได้นายกรัฐมนตรีคนที่ 30 ไม่เช่นนั้นจะกลายเป็นแค่การทดลอง 

นพ.ชลน่าน ยังระบุสาเหตุหนึ่งที่ไม่สามารถประกาศชื่อได้ เพราะเงื่อนไขของญัตติการประชุมรัฐสภาเมื่อวานนี้ (19 ก.ค. 2566) ทำให้พรรคเพื่อไทยยังประกาศชื่อบุคคลนั้นไม่ได้

เมื่อถามถึงการแก้ไข กฎหมายอาญา มาตรา112 จะเป็นอุปสรรคในการโหวตนายกรัฐมนตรีหรือไม่ นพ.ชลน่าน ตอบว่า พรรคเพื่อไทยจะต้องมีความชัดเจนให้มากที่สุด อะไรที่เป็นปัญหาเป็นอุปสรรค ที่จะทำให้ไม่ได้เสียงสนับสนุน ก่อนจะโหวต ต้องรีบทำก่อนถึงวันโหวต 

ส่วนที่จะการลงมตินายกรัฐมนตรีพรรคเพื่อไทยในวันที่ 27 ก.ค. 2566 จำเป็นที่ต้องไม่มี แก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา112 เลยหรือไม่ นพ.ชลน่าน ย้ำว่า มันไม่เกี่ยวกัน เพราะพรรคไม่เกี่ยวกับการแก้ไขกฎหมายอาญา มาตรา 112 อยู่แล้ว แต่เมื่อเราเป็นแกนนำตั้งรัฐบาล มีหน้าที่จะต้องหาคะแนนให้ได้ 375คะแนนให้ได้ ซึ่งเป้าหมายอยู่ตรงนี้ แต่วิธีการหามีเงื่อนไขและอุปสรรคใดใด ก็ต้องไปดำเนินการในมุมของพรรคร่วม ส่วนที่ ส.ว.ตั้งเงื่อนไขต้องไม่แก้ มาตรา 112 กับการโหวตนายกฯ 2 ครั้งที่ผ่านมา นพ.ชลน่าน ระบุว่า มันเป็นอุปสรรคของส.ว.

เมื่อผู้สื่อข่าวถามย้ำว่า หากพรรคเพื่อไทยเป็นรัฐบาล จะทำอย่างไรให้ได้ซึ่งคะแนน นพ.ชลน่านได้หยุดคิดชั่วครู่ แล้วพยักหน้าให้ผู้สื่อข่าว พร้อมชี้นิ้วไปที่ผู้สื่อข่าวแล้วหัวเราะ แล้วตอบว่า ต้องมีวิธีการ จะได้มาอย่างไรยังบอกไม่ได้ เพราะต้องใช้หลายวิธีการ 

ส่วนกระแสข่าวลือ สูตรตั้งรัฐบาลจะให้พรรคพลังประชารัฐมาร่วมหรือไม่ โดยจังหวะที่ผู้สื่อข่าวถามฟ้าร้องดังเปรี้ยงลงมา ทำให้นพ.ชลน่านตอบว่า คำถามแบบนี้ฟ้าลงโทษเลย พร้อมตอบต่อว่าตอนนี้ทางพรรคไม่ได้คิดเรื่องนี้ คิดแต่ว่าจะได้คะแนนมาอย่างไรบนพื้นฐานหลักการเดิมของพรรคเพื่อไทย แต่ถ้าไม่ได้คะแนนจะทำอย่างไร ซึ่งจะต้องมาดู 

นพ.ชลน่าน ย้ำว่า ไม่เคยแตะมาตรา 112 อยู่แล้ว ซึ่งในเอ็มโอยูเดิมก็ไม่แตะ ถ้าเป็นพรรคร่วมรัฐบาล ส่วนที่พรรคก้าวไกลดำเนินการแก้มาตรา 112 เป็นนโยบายของพรรคเขา พรรคเพื่อไทยมองว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องสำคัญ อย่าเอาไปอยู่ในเอ็มโอยูตั้งแต่แรก