รายละเอียดเงินกู้ 1 ล้านล้าน
แผนงานที่ 1 ด้านสาธารณสุข
วงเงิน 63,878 ล้านบาท เบิกจ่ายเงินกู้แล้ว 50,217 ล้านบาท คิดเป็น 78.6%
เอาไปใช้จ่ายด้านใดบ้าง ?
1.ค่าใช้จ่าย เยียวยา ชดเชย บุคลากรการแพทย์และสาธารณสุข วงเงิน 6,302 ล้านบาท
เบิกจ่าย 5,704 ล้านบาท คิดเป็น 90.5%
โครงการหลัก เช่น นำไปสนับสนุนบทบาท อสม. 4,666 ล้านบาท
2.ซื้ออุปกรณ์ทางการแพทย์ ยา วัคซีน ห้องปฏิบัติการ วงเงิน 15,251 ล้านบาท
เบิกจ่าย 7,526 ล้านบาท คิดเป็น 49.3%
โครงการหลัก เช่น ซื้อยา อุปกรณ์าการแทพย์ 380 ล้านบาท, วัคซีน 5,308 ล้านบาท ( 10.9 ล้านโดส)
3.ค่าบำบัดรักษา ป้องกัน ควบคุมโรค วิจัย วงเงิน 30,361 ล้านบาท
เบิกจ่าย 30,361 ล้านบาท คิดเป็น 100%
โครงการหลัก เช่น สปสช.รับผิดชอบดูแลประชาชนในระบบหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ 30,348 ล้านบาท
4.เตรียมความพร้อมสถานพยาบาล ค่ารักษา ค่ากักตัว วงเงิน 10,257 ล้านบาท
เบิกจ่าย 6,000 ล้านบาท คิดเป็น 58.5%
โครงการที่แล้วเสร็จ เช่น เพิ่มประสิทธิภาพหอผู้ป่วย ศูนย์การแพทย มศว. 2.5 ล้าน
5.รับมือสถานการณ์ระบาดฉุกเฉิน วงเงิน 1,727 ล้านบาท
เบิกจ่าย 625 ล้านบาท คิดเป็น 36.2%
โครงการที่แล้วเสร็จ เช่น การพัฒนาศักยภาพการผลิตวัคซีนของ วพ. 46 ล้านบาท , พัฒนาเครื่องมือตรวจหาเชื้อโควิด 43 ล้านบาท, พัฒนาการแพทย์ฉุกเฉิน 10 ล้านบาท
แผนงานที่ 2 ช่วยเหลือ เยียวยา ชดเชย ผู้รับผลกระทบจากโควิด
วงเงิน 709,059 ล้านบาท เบิกจ่ายเงินกู้แล้ว 694,602 ล้านบาท คิดเป็น 98%
เอาไปใช้จ่ายด้านในบ้าง?
1.เยียวยาประชาน 183,397 (159,016+เงินสำรองจ่าย 24,381) ล้านบาท
ชดเชยรายได้ลูกจ้างที่ต้องหยุดงาน 5,000 บาท 3 เดือน จำนวน 15.27 ล้านคน (มี.ค.-มิ.ย.63)
ใช้เงินรวม 229,016 ล้านบาท แบ่งเป็นงบกลาง 45,000 เงินสำรองจ่ายเกือบ 25,000 ล้าน ใช้เงินกู้ 159,016 ล้านบาท
(สมมติฐานของสำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.65%)
2.เยียวยาผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 3,080 ล้านบาท
รายละ 1,000 บาท 3 เดือน จำนวน 1.03 ล้านคน (พ.ค.-ก.ค.63)
(สมมติฐานของ สศค.จะช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.0094%)
3.เยียวยากลุ่มเปราะบาง 19,991 ล้านบาท
คือกลุ่มเด็กเล็ก คนแก่ คนพิการ คนละ 1,000 บาท 5 เดือน รวมจำนวน 6.6 ล้านคน (พ.ค.-ก.ย.63)
(สมมติฐาน สศค.จะช่วยศก.ขยายตัว 0.05%)
4.เยียวยาผู้ประกันตน 209 ล้านบาท
สำหรับผู้ประกันตนมาตรา 33 ที่ยังส่งเงินไม่ครบ 6 เดือน จำนวน 14,000 คนคนละ 5,000 บาท (มิ.ย.-ธ.ค.63)
5.เพิ่มกำลังซื้อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 20,341 ล้านบาท
ให้รายละ 500 บาท 3 เดือน จำนวน 13.9 ล้านคน (ต.ค.-ธ.ค.63)
(สศค.ประเมินช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.05%)
6.เพิ่มกำลังซื้อผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ ระยะ2 19,944 ล้านบาท
ให้รายละ 500 บาท 3 เดือน จำนวน 13.6 ล้านคน (ม.ค.-มี.ค.64)
(สศค.ประเมินช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.06%)
7.โครงการเราชนะ 273,468 ล้านบาท
ช่วยลดภาระค่าครองชีพประชาชน 32.8 ล้านคน แบ่งเป็นผู้มีบัตรสวัสดิการแห่งรัฐ 13.6 ล้านราย, ผู้ลงทะเบียนผ่านแอปเป๋าตัง 16.9 ล้านราย, ผู้รับสิทธิ์ผ่านบัตรประชาชน 2.3 ล้านราย ช่วยเหลือรายละ 9,000 บาท เป็นเวลา 2 เดือน (ม.ค.-พ.ค..64) (สศค.ประเมินช่วยให้เศรษฐกิจขยายตัว 0.74%)
8.โครงการ ม.33 เรารักกัน 48,586 ล้านบาท
ลดภาระค่าครองชีพผู้ประกันตน มาตรา 33 จำนวน 8 ล้านคนคนละ 6,000 ผ่านแอปเป๋าตัง (ก.พ.-ก.ย.64)
(สศค.ประเมินช่วย ศก.ขยายตัว 0.13%)
9.ลดภาระค่าไฟ (กฟน.) 739 ล้านบาท
ผู้ใช้ไฟ 3 ล้านราย ใน กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค.2564)
10.ลดภาระค่าไฟ (กฟน.) 1,199 ล้าน
ผู้ใช้ไฟ 2.8 ล้านราย ใน กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.64)
11.ลดภาระค่าไฟต่างจังหวัด (กฟภ.) 3,390 ล้านบาท
ผู้ใช้ไฟ 17.3 ล้านรายทั่วประเทศยกเว้น กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค.64)
12.ลดภาระค่าไฟต่างจังหวัด (กฟภ.) 6,155 ล้านบาท
ผู้ใช้ไฟ 17 ล้านรายทั่วประเทศยกเว้น 3 จังหวัด 2 เดือน (พ.ค.-มิ.ย.64)
13.ลดภาระค่าน้ำประปาในเมือง (กปน.) 129 ล้านบาท
ผู้ใช้น้ำ 2.3 ล้านรายใน กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ 2 เดือน (ก.พ.-มี.ค.64)
14.ลดภาระค่าน้ำประปาในเมือง (กปน.) 139 ล้านบาท
ผู้ใช้น้ำ 2.3 ล้านราย ใน กทม. นนทบุรี สมุทรปราการ (มิ.ย.-ก.ค.64)
15.ลดค่าน้ำประปา 10% ทั่วประเทศ 255 ล้านบาท
ผู้ใช้น้ำ 4.6 ล้านคน (ก.พ.-มี.ค.64)
16.ลดค่าน้ำประปา 10% ทั่วประเทศ 278 ล้านบาท
ผู้ใช้น้ำ 4.6 ล้านราย (มิ.ย.-ก.ค. 64)
17. ช่วยเหลือเกษตรกร 113,302 ล้านบาท
เกษตรกรรวม 7.5 ล้านรายที่ขึ้นทะเบียนกับหน่วยงานเกษตร ทั้งผู้ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์ ประมง ให้รายละ 5,000 บาท 3 เดือน (พ.ค.-ก.ค.63) (สศค.ประเมินทำให้เกิดเงินหมุนเวียนในระบบเศรษฐกิจเพิ่ม 3.5 เท่า)
แผนงานที่ 3 ฟื้นฟูเศรษฐกิจ สังคม
วงเงิน 227,042 ล้านบาท แต่อนุมัติโครงการได้เพียง 214,055 ล้านบาท มีการเบิกจ่ายเงินกู้แล้ว 125,264 ล้านบาท คิดเป็น 58.5%
เอาไปใช้จ่ายด้านใดบ้าง ?
1.พื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัย 7.6 ล้านบาท
พัฒนาพื้นที่ท่องเที่ยวปลอดภัยใน 5 พื้นที่ คือ น่าน เชียงใหม่ ชลบุรี เอชียทีค เยาวราช จัดอบรมให้ความรู้บริหารจัดการพื้นที่กับ 1,000 ราย (ก.ค.63-มิ.ย.64)
2.สร้างเศรษฐกิจจาก OTOP สมุนไพร 8.3 ล้านบาท
10 ชุมชนทั่วประเทศ อบรมเกษตรกรให้มีความรู้แปรรูปวัตถุดิบสมุนไพรส่งออก (ต.ค.63-ก.ย.64)
3.สร้างอาชีพนวดแผนไทย 6.1 ล้านบาท
อบรมหลักสูตรนวดแผนไทยเกือบ 500 คน (ต.ค.63-ก.ย.64)
4.พัฒนาสินค้าที่่ผลิตที่บ้าน 4.1 ล้านบาท
(พ.ค.63-ก.ย.64)
5.โครงการของกลุ่มจังหวัด 310 ล้านบาท
อบรมการขายออนไลน์ อบรมทำปุ๋ยชีวภาพ ฯลฯ (ต.ค.63-ก.ย.64)
6.โครงการกำลังใจ 1,354 ล้านบาท
สนับสนุนเงินให้ อสม. จนท. รพ.สต. 6.8 แสนราย (ประมาณ 56% ของแผนที่วางไว้) ใช้บริการบริษัทนำเที่ยวท่องเที่ยวในประเทศ รัฐให้รายละ 2,000 บาท (ก.ค.-ต.ค.63)
7.พัฒนาตำบลบูรณาการ 2,690 ล้านบาท
กระตุ้นให้เกิดการจ้างงาน 14,00 คน (สัญญาจ้าง 1 ปี เงินเดือน 15,000) และจัดทำฐานข้อมูลหมู่บ้าน (ส.ค.63-ก.ย.64)
8.สร้างแนวกันไฟชุมชน 247 ล้านบาท
แนวกันไฟรวม 2,997 กม. จุดเฝ้าระวัง 3,005 จุด (ก.ค.64-พ.ค.64)
9.พัฒนาป่าไม้สร้างรายได้ 859 ล้านบาท
ทำกิจกรรมกระตุ้นเศรษฐกิจชุมชน เพราะกล้าไม้พันธุ์ดี บริการจัดการป่าชุมนน (ต.ค.63-ก.ย.64)
10.คนละครึ่ง 49,813 ล้านบาท
กรอบวงเงินระยะแรก 30,000 ล้าน (ต.ค.-ธ.ค.63) ระยะสอง 22,500 ล้าน (ม.ค.-มี.ค.64)
รอบแรก ผู้ใช้สิทธิ์ 9.9 ล้านราย (99.7%) ผู้ประกอบการ 1.07 ล้านร้านค้า
รอบสอง ผู้ใช้สิทธิ์ 14 ล้านราย (95%) ผู้ประกอบการ 1.6 ล้านร้านค้า
มีการประเมินว่าเม็ดเงินลงสู่ระบบเศรษฐกิจ ปี 2563 และไตรมาสแรกของ 2564 จำนวน 1.02 แสนล้าน และภาครัฐมี big data วิเคราะห์นโยบายเชิงลึกในอนาคต