เมื่อวันที่ 29 ส.ค. 2566 ที่อาคารรัฐสภา ยศวัจน์ ชัยวัฒนสิริกุล ที่ปรึกษาสหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย (สกท.) พร้อมด้วยสมาชิกเกษตรกรจากภาคเหนือ ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ภาคกลาง และภาคใต้ จำนวนกว่าพันคน ที่ประสบปัญหาความเดือดร้อนขาดแคลนน้ำเพื่อการอุปโภคบริโภคทางการเกษตรในฤดูแล้ง รวมทั้งประสบปัญหาการบุกรุกและแผ้วถางพื้นที่ป่าไม้ ดินเสื่อมโทรม เนื่องจากขาดการปรับปรุงบำรุงดิน การใช้สารเคมีเพื่อการเกษตรมาก เกษตรกรไทยมีหนี้สินกันเป็นวงกว้าง เฉลี่ยแล้ว 1 ครัวเรือนจะมีหนี้สินมากถึง 450,000 บาท และมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเมื่อเปรียบเทียบปริมาณหนี้กับรายได้และสินทรัพย์ พบว่า กว่า 57% ของครัวเรือนมีหนี้สินสูงเกินศักยภาพในการชำระ มายื่นเรื่องให้ ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า ส.ส.พะเยา และเลขาธิการพรรคพลังประชารัฐช่วยเหลือเกษตรกรอย่างเร่งด่วน โดยมี ภาคภูมิ บุลย์ประมุข ส.ส.ตาก เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ จีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา เขต เขต 3 พรรคพลังประชารัฐ ปกรณ์ จีนาคำ ส.ส.แม่ฮ่องสอน เขต 1 พรรคพลังประชารัฐ บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ และสมศักดิ์ คุณเงิน กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ เป็นผู้แทนออกมารับหนังสือ
“ร.อ.ธรรมนัสเคยมีผลงานช่วงที่เป็นรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์เข้ามาช่วยเหลือเกษตรกรกลุ่มนี้อย่างต่อเนื่องจนมีผลงานเป็นที่ประจักษ์ ท่านจึงเป็นความหวังของเกษตรกร หากไม่เร่งแก้ไขปัญหาดังกล่าวจะทำให้ชีวิตเกษตรกรตกต่ำไปมากกว่านี้”ยศวัฒน์ กล่าวและว่า การแก้ปัญหาน้ำแล้งถือเป็นนโยบายด้านการเกษตรของพรรคพลังประชารัฐบาลตามสโลแกน “มีเราไม่มีแล้ง มีน้ำไม่มีจน”
ยศวัฒน์ ยังกล่าวว่า สหพันธ์เกษตรกรแห่งประเทศไทย เห็นว่า ร.อ.ธรรมนัส มีความเหมาะสม อย่างยิ่งที่จะเป็น รมว.เกษตรและสหกรณ์ในรัฐบาลชุดปัจจุบันที่กำลังจัดวางบุคคลมาเป็นคณะรัฐมนตรีกันอยู่ เพราะ ร.อ.ธรรมนัส เป็นผู้มีประสบการณ์เป็นที่พึ่งของเกษตรกรเข้าหาง่าย รับฟังปัญหาของเกษตรกรทุกกลุ่ม มีการติดตามหาทางช่วยเหลือของเกษตรกรมาโดยตลอด เห็นได้จากช่วงที่ ร.อ.ธรรมนัส ดำรงตำแหน่ง รมช.เกษตรและสหกรณ์ ทำหน้าที่ประสานงานผลักดันงบประมาณให้เกษตรกรจนประสบความสำเร็จหลายโครงการ ท่านจึงเป็นผู้ที่มีความเหมาะสมด้วยประการทั้งปวงสมควร ทำหน้าที่ รมว.เกษตรและสหกรณ์แก้ปัญหา ช่วยเหลือเกษตรอย่างตรงจุดและครบทุกมิติ