วันที่ 9 กันยายน (เมื่อวานนี้) ที่ลานอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง อ.เมือง จ.พะเยา ร.อ.ธรรมนัส พรหมเผ่า รัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เดินทางมาประชุมแนวทางการพัฒนาและบริหารจัดการกว๊านพะเยา โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา อบต.และ อบจ.จังหวัดพะเยา เทศบาลเมืองพะเยา หน่วยงานในสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และประชาชนจํานวน 1300 คน เข้าร่วมการประชุมมอบนโยบาย
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า การเดินทางมา จ.พะเยา ของ ร.อ.ธรรมนัส ครั้งนี้ เป็นครั้งแรกนับตั้งแต่ได้รับตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ซึ่งบรรยากาศเป็นไปอย่างคึกคัก มีเจ้าหน้าที่กรมการปกครองและประชาชนจํานวนมากตั้งแถวรอต้อนรับ ร.อ.ธรรมนัส พร้อมมอบดอกกุหลาบ และถ่ายรูปเซลฟี่ร่วมกัน นอกจากนี้ ยังมี อัครา พรหมเผ่า นายกฯ อบจ.พะเยา และน้องชายของ ร.อ.ธรรมนัส บุญสิงห์ วรินทร์รักษ์ กรรมการบริหารพรรคพลังประชารัฐ (พปชร.) อนุรัตน์ ตันบรรจง ส.ส.พะเยา พรรค พปชร. และจีรเดช ศรีวิราช ส.ส.พะเยา พรรค พปชร. เดินทางมาร่วมงานกับ ร.อ.ธรรมนัสด้วย
ทังนี้ ยังมีการนำมังคุดจํานวน 5 ตัน ที่รับซื้อจากเกษตรกรชาว จ.นครศรีธรรมราช เพื่อช่วยเหลือปัญหาราคามังคุดตกตํ่า มาแจกให้กับประชาชนที่มาร่วมงานด้วย
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส สักการะอนุสาวรีย์พ่อขุนงำเมือง เพื่อความเป็นสิริมงคล ก่อนที่ผู้ว่าราชการจังหวัดพะเยา จะกล่าวต้อนรับ ก่อนที่ ร.อ.ธรรมนัส จะกล่าวว่า วันนี้เป็นวันแรกหลังจากที่ได้รับพระมหากรุณาธิคุณจากพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว โปรดเกล้าโปรดกระหม่อม ให้ตนดำรงตำแหน่งเจ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ สิ่งที่ตนพูดมาโดยตลอด หากจะเลือก ส.ส.เข้ามาเป็นผู้แทนคนเดียว ขออย่างเดียวไม่ต้องเลือกตน ต้องเลือกตนเข้าเป็นผู้บริหารของบ้านของเมือง
“จะเห็นว่าเส้นทางการเป็นเจ้ากระทรวง ซึ่งเป็นกระทรวงลำดับ 2 รองจากกระทรวงมหาดไทย เป็นลูกชาวนา ลูกหลานคนพะเยา ท่านภาคภูมิใจหรือไม่ ถามว่าผมดีใจหรือไม่ ผมดีใจแทนคนพะเยา ไม่ใช่ดีใจเพราะผมได้เป็น” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวต่อว่า วันนี้ตนไม่ได้มาสั่งหน่วยราชการ เพราะยังสั่งการไม่ได้ เนื่องจากรัฐบาลยังไม่ได้แถลงนโยบายต่อรัฐสภาว่าจะทำอะไรบ้าง จะหาเงินจากไหนมาบริหารราชการแผ่นดินในช่วงในวาระ 4 ปี ซึ่งเมื่อแถลงนโยบายเสร็จ ตนจะแถลงและมอบนโยบายกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ และพร้อมปฏิบัติหน้าที่ทันที เพราะเกษตรกรมีปัญหาสะสมมานาน การบริหารราชการแผ่นดิน ถ้าผู้บริหารไม่สามารถดำเนินสั่งการ ก็จะเรื้อรัง นายกรัฐมนตรีต้องการทำสงครามกับความยากจนของพี่น้องประชาชน จะยกหนี้ภาคการเกษตร ยกหนี้เกษตรกร ส่วนรูปแบบจะเป็นอย่างไร ก็เป็นหน้าที่ที่ตนต้องทำ
ร.อ.ธรรมนัส ยังกล่าวกับเจ้าหน้าที่หน่วยงานสังกัดกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ว่า ใครไม่มาพะเยาไม่เป็นไร ไม่รักคนพะเยาไม่เป็นไร ฝากไปด้วยว่าเมืองพะเยาต้องการพัฒนา ในช่วงที่ผ่านมาแม้เราจะเป็นรัฐมนตรีช่วย หรือเพียงแค่ ส.ส.ที่พูดในสภา พูดแล้วพูดอีกว่าน้ำในกว๊านพะเยามันแห้ง ได้รับรายงานจากอธิบดี ตนก็รับสั่งการทันทีให้เอาเรือมาขุดก็ดีโครงการอะไรต่างๆ ก็ดี โดยที่เราไม่มีอำนาจอะไรเลย แต่ท่านก็กรุณา หลังจากวันที่ 12 กันยายนไปแล้ว ตนขอฝากอธิบดีทุกกรม กรุณารักคนพะเยาให้เยอะ ช่วยแก้ปัญหาคนพะเยา ไม่ได้หมายความว่าไม่ดูแลจังหวัดอื่น จังหวัดอื่นก็ให้ความสนใจเช่นเดียวกัน
ร.อ.ธรรมนัส กล่าวอีกว่า ต่อไปนี้จะเห็นความเปลี่ยนแปลงของกว๊านพะเยาอย่างเป็นรูปประธรรม ผู้ใหญ่บ้านที่ขี้ฟ้องจะสมปรารถนาหรือไม่ ไม่ต้องบ่นแล้ว ขอความกรุณานักร้องทั้งหลายใน จ.พะเยาไม่ต้องร้องกัน ให้ออกมาพูดกันก่อน ถ้าพูดกันไม่ได้ให้บอกตน ทำให้เมืองพะเยาเป็นเมืองน่าอยู่ได้หรือไม่
“เราได้สลายขั้วทางการเมืองแล้ว ต่อไปนี้คนพะเยาไม่ใช่คนของใคร เราอยู่กับพวกเราอย่างนี้นะ มันจะได้สบายใจ ข้าราชการตั้งแต่ผู้ใหญ่บ้าน ดังนั้นทุกคนสามารถพูดลึกไปถึงนโยบายภาครัฐที่ตนได้เตรียมไว้ แต่หมิ่นเหม่ข้อกฎหมายไม่สามารถสั่งการได้ มาวันนี้ตนยังไม่ใช่ผู้บริหารที่สมบูรณ์แบบ รอสภาก่อน ทั้งสภาสูงและสภาล่าง ว่ารัฐบาลจะทำอย่างไรบ้างในกรอบเวลา 4 ปี” ร.อ.ธรรมนัส กล่าว
ทั้งนี้ ร.อ.ธรรมนัส ยังเชิญ ส.ส.พะเยา พรรค พปชร. ขึ้นบนเวที พร้อมกล่าวขอบคุณประชาชนในพื้นที่ที่ให้การสนับสนุน ส.ส.พะเยาทั้ง 3 เขต ซึ่งได้แก่ ร.อ.ธรรมนัส นายอนุรัตน์ และนายจีรเดช
จากนั้น ตัวแทนหน่วยงานท้องถิ่น สมาคมกํานันผู้ใหญ่บ้าน ผู้แทนชุมชนต่างๆ กลุ่มชาติพันธุ์ ภาคเอกชน ได้พากันมอบช่อดอกไม้ กระเช้าของขวัญ และของที่ระลึก และองค์พระพุทธรูป เพื่อแสดงความยินดีกับ ร.อ.ธรรมนัส ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ แต่งตั้งให้เป็นรัฐมนตรี ซึ่งนายอัครา พรหมเผ่า นายกฯ อบจ.พะเยา น้องชายของ ร.อ.ธรรมัส ก็ได้ร่วมมอบช่อดอกไม้เพื่อแสดงความยินดีกับ ร.อ.ธรรมนัส ด้วย
จากนั้น ร.อ.ธรรมนัส ให้สัมภาษณ์ว่า สิ่งแรกที่จะทำให้กับจังหวัดพะเยา คือการสะสางเรื่องที่ยังค้างไว้สมัยดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงเกษตรและสหกรณ์และช่วงที่เป็น สส.เมืองพะเยา คือ เรื่องการแก้ปัญหาแหล่งน้ำ ที่ดินทำกิน ตลอดจนราคาพืชผลการเกษตร ที่ทุกภาคส่วนจะต้องมาสานต่อ ทั้งนี้ได้ทำรูปแบบของ "พะเยาโมเดล" ไว้แล้ว คงไม่เป็นเรื่องยาก สามารถสานต่อได้ทันที
ส่วนการเป็นเจ้ากระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ถ้าถามว่าเป็นตำแหน่งที่ต้องทำอะไรบ้าง กล่าวคือ เป็นตำแหน่งที่มีภาระเหนือกระทรวงอื่นๆ เพราะเป็นกระทรวงที่เกี่ยวกับชีวิตส่วนใหญ่ของคนไทยทั้งแผ่นดิน ไม่ใช่เฉพาะเมืองพะเยา และสิ่งที่ยืนยันมาโดยตลอด ว่าเจตนารมณ์ในการมาสู่เวทีการเมืองเพราะต้องการพัฒนาคุณภาพชีวิตของพี่น้องคนพะเยาที่ด้อยโอกาสมานาน จังหวัดพะเยามีเพียง 9 อำเภอ ซึ่งขณะนี้ได้หารือกับทุกภาคส่วน ว่าอาจจะต้องขยายจังหวัดพะเยาให้มีจำนวนอำเภอมากกว่านี้ ในบางอำเภอที่อยู่ในจังหวัดที่ไกลจากส่วนราชการ
ดังนั้นอาจจะต้องตีกรอบขยายเนื้อที่เขตการปกครองให้ใหญ่ขึ้น อาจจะต้องมีการจัดผังเมืองใหม่โดยเฉพาะอย่างยิ่งผังเมืองรอบกว๊านพะเยาในฝั่งที่ติดดอยหลวง ให้ผังเมืองเปลี่ยนสี เพื่อรองรับกับการพัฒนาความเป็นอยู่ โดยหลังจากนี้ จะต้องหาเวลามาจังหวัดพะเยาทุกเดือน แงะหาเวลานั่งเสวนากับภาคประชาชน ทั้งเรื่องการค้าอุตสาหกรรม รวมถึงเสวนากับทุกภาคส่วนที่เกี่ยวข้องกับชีวิตคนพะเยาอย่างเป็นรูปธรรม เพื่อนำไปเป็นแนวทางในการพัฒนาชีวิตของคนพะเยาทุกภาคส่วนต่อไป
ส่วนภาพรวมปัญหาของ พี่น้องชาวเกษตรกรทั้งประเทศก็มีหลายเรื่อง เนื่องจากในช่วงที่ผ่านมาได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ตั้งแต่ปีปลายปี 2562 จนถึงทุกวันนี้ ดังนั้นทุกภาคส่วนจะต้องบูรณาการแก้ไขปัญหาร่วมกัน โดยในช่วงที่ผ่านมาได้มีโอกาสเดินทางไปตรวจราชการกับนายเศรษฐาททวีสิน นายกรัฐมนตรี ซึ่งท่านได้ให้นโยบายมาหลายเรื่อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งเรื่องการแก้ปัญหาหนี้ภาคการเกษตร หนี้ครัวเรือน ปัญหาพี่น้องชาวประมง ปัญหาพี่น้องเกษตรกรในทุกภาคส่วน ซึ่งกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ เป็นกระทรวงหลักในการหากรอบแนวทางการแก้ปัญหาเรื่องเหล่านี้ ทั้งนี้หลังจากที่รัฐบาลแถลงนโยบายแล้ว ทางกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ ก็จะทำเป็นรูปแบบตามแผนยุทธศาสตร์ของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ต่อไป